แปลบทสัมฯ “สึกะ เคนตะ&คาเกยาม่า ทัตสึยะ ” ใน Entertainmentstation

สึกะ เคนตะ&คาเกยาม่า ทัตสึยะ แสดงความกล้าหาญที่เลเวลอัพ! ความรู้สึกเร่าร้อนของทั้งคู่ที่เดิมพันในบุไต「ไฮคิวー!! 」ยักษ์แห่งการเริ่มต้น (はじまりの巨人)” คือ???

ในที่สุดก็ถึงการแข่งฮารุโคแล้ว! เรื่องราวของโรงเรียนม.ปลายคาราสึโนะที่กำลังจะมุ่งสู่การแข่งขันระดับประเทศ!! ในครั้งนี้บุไตไฮคิวได้จัดการแสดงทั้งหมด 5 จังหวัดด้วยกัน โดยจะเปิดรอบการแสดงตั้งแต่วันที่ 28 เมษายนนี้ ดังนั้นเราจึงได้มาพูดคุยกับนักแสดงทั้งสองท่าน อย่าง สึกะ เคนตะซัง ที่รับบทเป็น ฮินาตะโชโย และ คาเกยาม่า ทัตสึยะซัง ที่รับบท คาเกยาม่า โทบิโอะ ถึงความรู้สึกที่เร่าร้อนในเสตจนี้กัน!!

———- ในเสตจ “หน้าร้อนแห่งความก้าวหน้า (進化の夏)” นั้นสนุกมากๆเลย ก่อนอื่นเรามาเริ่มพูดคุยย้อนหลังไปถึงความรู้สึกเมื่อตอนนั้นกันดีมั้ย? 

คาเกยาม่า “เสตจก่อนหน้านี้เป็นเสตจแรกของผมในบุไตไฮคิว ผมก็เลยอยากจะตั้งใจกับมันให้มากที่สุด  แต่จริงๆแล้วมันเป็นวันแต่ละวันๆที่ยากลำบาก แล้วก็มืดแปดด้านมากกว่าครับ”

———- มีช่วงเวลาที่ทำให้รู้สึกว่า “นี่ล่ะ คือบุไตไฮคิว!!” มั้ย?

คาเกยาม่า “ก็ต้องเป็นตอนที่เสียงเพลงดังขึ้นแล้วทำให้รู้สึกอารมณ์ตื่นเต้นเร่าร้อนขึ้นมาครับ ตอนที่เป็นแค่ผู้ชมแล้วได้ฟัง ผมจะรู้สึกว่า “นี่แหล่ะ! นี่แหล่ะ!””

เคนตะ “สำหรับบุไตไฮคิวนั้น ทุกคนจะช่วยกันคิด แล้วก็นำเสนอไอเดียอยู่ตลอดเวลาครับ แน่นอนว่าเสตจที่แล้วก็เหมือนกัน ในตอนแรกเราจะแยกกันเป็นกลุ่มๆ แล้วก็ช่วยกันคิดอะไรๆหลายๆอย่าง อย่างเช่นเรื่องการให้คำแนะนำกับคนที่เข้ามาใหม่ นั่นเป็นเรื่องที่สนุกดีครับ”
คาเกยาม่า “พวกเราจะมีการวาดภาพการเคลื่อนที่ที่วอรี่ซังต้องการลงในไวท์บอร์ด สำหรับผมแล้วการทำอะไรแบบนั้นนี่เป็นครั้งแรกเลยครับ ก็เลยรู้สึกแปลกใหม่มาก”

———– เพราะแบบนั้นก็เลยทำให้มีหลายอย่างที่ได้นำไปใช้ในการแสดงจริงด้วยสินะ?

เคนตะ ก็อย่างเช่น ตอนเล่นบอลเร็วพิสดารแบบใหม่”
คาเกยาม่า “แล้วก็ตอนหยุดส่งลูกด้วย นั่นเป็นไอเดียจากพวกนักแสดงล่ะ”
เคนตะ “จริงๆแล้ว ในบุไตไฮคิวนี้เราอาจจะใช้ไอเดียจากนักแสดงเป็นส่วนใหญ่ก็ได้นะ อารมณ์ประมานว่าเอาสิ่งที่พวกเราคิดกันมาเป็นพื้นฐาน แล้ววอรี่ซังก็เอาไปปรับปรุงอีกทีน่ะครับ”

———- ถ้าพูดถึงเพอร์ฟอร์มานซ์แล้ว ได้ยินมาว่าในเสตจ “ผู้ชนะและผู้แพ้ (勝者と敗者)”ก่อนหน้านี้ ถือว่าเป็นเป้าหมายที่สมบูรณ์แบบที่สุดของบุไตไฮคิวเลย หากยึดเสตจนั้นเป็นเกณฑ์แล้ว เราจะได้เห็นด้านแปลกใหม่อะไรใน “ยักษ์แห่งการเริ่มต้น (はじまりの巨人)” นี้บ้าง?

เคนตะ เรื่องนั้นยังไม่เปิดเผยออกมาเลยครับ วอรี่ซังยุ่งมากๆเลย ฮ่าๆๆๆๆ”
คาเกยาม่า “แต่จากที่ผมได้ยินมา คราวนี้อาจจะมีการเคลื่อนไหวมากกว่าตอนเสตจ ผู้ชนะและผู้แพ้ (勝者と敗者)” อีก….”
เคนตะ หืม? ฉันไม่ให้ทำหรอก เรื่องนั้นน่ะ ฮ่าๆๆๆ”
คาเกยาม่า  ขนาดผมมองการแสดงอยู่ข้างๆเวที ผมยังคิดเลยว่าการเคลื่อนไหวขนาดนั้นน่ะมันเกินขีดจำกัดของมนุษย์แล้ว ”
เคนตะ  เมื่อไม่นานมานี้ ผมได้ดูเสตจที่ออนแอร์ทางทีวีด้วย การเคลื่อนไหวแบบนั้นน่ะ….มันบ้ามากเลยใช่มั้ยล่ะครับ ฮ่าๆๆๆ มันหนักและลำบากมากเลย ถ้ามองจากมุมมองคนอื่นก็คงจะรู้สึกประมาณว่า นี่กำลังดูสารคดีอะไรอยู่เนี่ย? การเคลื่อนไหวแบบนั้นน่ะสุดยอดเลยนะ! ประมานนั้น”

———- เป็นการมองจากความรู้สึกของผู้ชมสินะ

เคนตะ อย่างตอนที่แมตซ์การแข่งกับโรงเรียนอาโอบะโจวไซจบลง พวกผมใช้พลังกายกันจนหมดเกลี้ยงขนาดที่ว่าร้องไห้กันออกมาเลย มันก็อธิบายความรู้สึกยากนะครับ แต่มันเป็นความรู้สึกที่มหัศจรรย์มากจนไม่น่าเชื่อเลยล่ะ”

———- แล้วที่บอกว่าครั้งหน้าจะมากกว่านี้ล่ะ?

เคนตะ ถ้าพูดถึงเรื่อง หยินหยาง ล่ะก็ ผมคิดว่าเสตจ ผู้ชนะและผู้แพ้ (勝者と敗者)” เป็นเสตจที่เป็น หยิน(ด้านมืด) ครับ ผมอ่ะเหนื่อยมากๆเลย เพราะมันก็เป็นการแสดงที่หนักมากจริงๆ หนักขนาดที่ผมเคยคิดว่า ไม่อยากทำอีกแล้ว!” ด้วยล่ะ แต่ในเสตจ ยักษ์แห่งการเริ่มต้น (はじまりの巨人)” นี้ ถึงจะมีการแข่งขันเหมือนกันก็จริง แต่ก็มีทีมของโรงเรียนโจวเซนจิที่ให้ความสำคัญกับการเล่นสนุกๆมากกว่าอย่างอื่นด้วย ก็เลยรู้สึกว่ามันจะเป็นเสตจที่ให้บรรยากาศที่เป็นหยาง(ด้านสว่าง)ครับ ถึงจะมีการเคลื่อนไหวที่หนักหน่อย แต่ในความรู้สึกของผม มันทำให้รู้สึกสนุกสนานมากกว่า หากดูจากเสตจก่อนๆทั้งหมดแล้ว ผมอยากจะทำให้เสตจนี้เป็นเสตจที่มีความเป็นงานเทศกาลมากขึ้น เหมือนกับบรรยากาศตอนเสตจ คาราสึโนะ คืนชีพ! (烏野、復活!)” ล่ะครับ”

———- ตัวละครที่สำคัญในการแข่งกับโรงเรียนโจวเซ็นจิและโรงเรียนวาคุนันนั้นก็คือ “ซาวามูระ ไดจิ” และ “เอนโนชิตะ จิการะ” สินะ ก่อนอื่นมาคุยเรื่อง “ทานากะ เคย์ตะซัง” ที่ได้กลับมารับบท “ซาวามูระ ไดจิ” อีกครั้งกันหน่อย

เคนตะ บอกตรงๆเลยว่าผมดีใจครับที่ได้กลับมาแสดงด้วยกันอีกครั้ง ผู้ชายที่ชื่อว่า ทานากะ เคย์ตะเนี่ยให้อารมณ์เหมือนเป็นคุณพ่อเลยแหล่ะ เขาเป็นคนที่ยิ้มให้กับทุกสิ่งทุกอย่าง และคอยโอบอุ้มพวกเราไว้ การที่คนแบบนี้กลับมาที่คัมปานีจึงทำให้ผมดีใจมากครับ และผมก็รู้สึกขอบคุณเคนจังมากเช่นกัน ที่เขาได้สร้างสถานที่ที่เคย์ตะคุงสามารถกลับมาได้ สำหรับผมแล้ว…ซาวามูระเป็นทั้งเคนจังและเคย์ตะคุงที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียวครับ  ดังนั้นผมจึงรู้สึกว่าการที่เคย์ตะคุงกลับมานั้นมันเป็นโชคชะตาล่ะ”

———- เห็นเคนตะซังกอดทานากะซังด้วยท่าทางดีใจใน SNS บ่อยเลย

เคนตะ “ก็รอบอกเขาตั้ง 100 เซนนี่ รู้สึกเหมือนเป็นหมอนอ่ะ ฮ่าๆๆๆๆ”
คาเกยาม่า เพราะอย่างนั้นในหัวของผมเลยมีแต่ภาพของเคย์ตะซังแบบนั้นครับ ฮ่าๆๆๆๆ ตอนเสตจ หน้าร้อนแห่งความก้าวหน้า (進化の夏)” เคย์ตะซังเข้ามาที่ห้องแต่งตัวของพวกเรา แล้วก็ได้ทักทายกันด้วย แต่ก็ยังไม่ได้พูดคุยกันมากมายเท่าไหร่ครับ เพราะงั้นในช่วงที่ผมยังไม่รู้ว่าเคย์ตะซังเป็นคนแบบไหนนั้น ก็จะมีแต่ภาพมโนของขนาดหน้าอกนี่ล่ะครับที่อยู่ในหัวของผม ฮ่าๆๆๆๆ ผมคิดแค่ว่า ถ้าอย่างนั้นล่ะก็ เขาก็น่าจะเป็นคนที่พึ่งพาให้เป็นหมอนได้ล่ะมั้ง น่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ”

———- คุยเรื่องของ”คาวาฮาระ คาซึมะซัง”ที่รับบทเป็น”เอนโนชิตะ จิการะ”ด้วยสิ

เคนตะ เสตจครั้งนี้คาซึมะคุงจะได้เปล่งประกายแล้วล่ะ! คนที่คอยสนับสนุนพวกเรามาตั้งแต่เสตจแรกในฐานะของ ผู้ปิดทองหลังพระ **” ตามชื่อของเขา(เอนโนชิตะ)ก็คือคาซึมะคุงครับ ในตอนแรกนั้นบุไตของเราไม่มีคิโยโกะซัง พอมาทำเป็นบุไตเราก็เลยต้องปรับเปลี่ยนจากมังงะ โดยการให้คาซึมะซังเป็นคนทำหน้าที่ทุกอย่างที่คิโยโกะซังทำ  จริงๆแล้วผมคิดว่าเขาเองก็น่าจะมีความทุกข์ใจเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แต่ไม่ได้บอกพวกผมแน่ๆ เพราะฉะนั้นการที่เสตจนี้จะมีฉากที่คาซึมะคุงเป็นหัวใจสำคัญนั้น ทำให้ผมดีใจมากเหมือนเป็นเรื่องของตัวเองเลย”
คาเกยาม่า “ผมกับคาซึมะคุงเกิดที่จังหวัดชิสึโอกะเหมือนกัน บรรยากาศก็เลยเหมือนเป็นน้ำชาอุ่นๆที่เราสองคนจะเผื่อแผ่ความรู้สึกสบายใจนั้นให้กันได้ ฮ่าๆๆๆๆ คาซึมะคุงจะเป็นคนที่คอยฉุดดึงพวกเราให้เดินไปแต่ละก้าวแต่ละก้าวเสมอ และยังคอยเฝ้ามองพวกเราทุกๆอย่าง อย่างเวลาที่ผมรู้สึกมืดมนหรือเจอทางตัน คนที่เข้ามาให้คำปรึกษาประมาณว่า ทำแบบนี้ดีกว่าไหม?” ก็คือคาซึมะคุงครับ  บางทีแล้วในคัมปานี้ คนที่ผมคุยด้วยมากที่สุดอาจจะเป็นคาซึมะคุงก็ได้นะ ทั้งตอนที่ซ้อมเต้นก็ยังมาคอยนับจังหวะให้ผมอยู่เสมอๆ”
เคนตะ เป็นหัวหน้าทีมแดนซ์ของคาราสึโนะเลยล่ะ แต่ในทางกลับกันแล้ว…เรื่องเต้นของเคย์ตะคุงเนี่ย…ไม่ไหวเลยล่ะนะ ฮ่าๆๆๆๆ”

———- ในเสตจครั้งนี้เรามีโรงเรียนโจวเซ็นจิทีม่ีรูปแบบการเล่นหลักเป็น “ความสนุก” แต่ในอีกด้านหนึ่งก็มีคำพูดที่น่าประทับใจอย่าง “เวลาที่ไม่สนุกกำลังจะมาเยือนอย่างแน่นอน” ด้วย แล้วทั้งสองคนเอาชนะช่วงเวลาที่ต้องอดทนเหล่านั้นได้อย่างไร?

เคนตะ ผมเป็นพวกที่คิดว่า ตอนที่ไม่ไหวก็แค่คิดว่าไม่ไหวไปตรงๆเลยจะดีกว่า  โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นบุไตไฮคิวด้วยล่ะก็นะ เพราะว่ามันจะถ่ายทอดไปยังผู้ชมได้ด้วยน่ะ ยังไงมันก็เป็นอารมณ์ที่ตัวเองเป็นอยู่ เพราะงั้นก็ทำมันต่อไปพร้อมกับคิดว่า ไม่ไหวแล้ว” แบบตรงๆ ดีกว่าพอไม่ไหวแล้วก็มาบอกคนอื่นว่า ฉันยังโอเค” เพราะมันเป็นสิ่งที่เราจะรู้สึกแค่ช่วงเวลาที่เราทำอยู่ตอนนั้นเท่านั้นเอง”

———- ตอนที่รู้สึกว่าไม่ไหวเนีี่ย มีพูดออกมาบ้างมั้ย?

เคนตะ  ไม่พูดเลย แต่มันจะออกทางสีหน้าครับ ฮ่าๆๆๆ”
คาเกยาม่า ผมเห็นบ่อยเลยล่ะ สีหน้านั้นของเคนตะน่ะ”
เคนตะ  เพราะทุกคนอายุเยอะกันแล้วนี่เนาะ การเคลื่อนไหวมันก็เลยทำไม่ค่อยได้เหมือนเดิม แต่ทั้งๆที่เป็นแบบนั้นปริมาณการเคลื่อนไหวกลับเพิ่มขึ้นอ่ะ ฮ่าๆๆๆๆ”
คาเกยาม่า แต่ผมเป็นพวกเปิดเผยนะ ผมจะไม่สามารถซ่อนอารมณ์เวลาที่ตัวเองไม่ไหวแล้วได้ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็มีพลังที่จะสนุกไปกับมัน และจะแสดงออกมาว่า นี่คือตัวผม” ล่ะ อย่างน้อยผมก็รู้สึกว่าผมสามารถมีสมาธิไปกับการแสดงได้”

——— การประชันระหว่าง “ยักษ์ตัวจิ๋ว” ของนากาชิม่า ทาเครุ กับ ฮินาตะ โชโย ในแมตซ์แข่งกับโรงเรียนวาคุนันนั้นเป็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจมากเลย

เคนตะ ผมไม่ได้คิดว่าชื่อของเสตจนี้จะเป็น ยักษ์แห่งการเริ่มต้น (はじまりの巨人)” เลยครับ แน่นอนว่าเรื่องการตัดสินกันระหว่างฮินาตะกับนาคาชิม่าในการแข่งขันนั้นถูกเขียนออกมาเด่นมาก แต่มันก็ยังมีเรื่องราวต่างๆอีกเยอะแยะ อย่างเรื่องของเอนโนชิตะก็ด้วย แต่ท้ายที่สุดมันก็จะรวมเป็นภาพประทับใจหนึ่งเดียวท่ามกลางเรื่องราวเหล่านั้นครับ เพราะฉะนั้นการที่ตั้งชื่อว่า ยักษ์แห่งการเริ่มต้น (はじまりの巨人)” แบบนี้มันให้ความรู้สึกแรงกล้าถึงการเผชิญหน้ามากกว่าครับ นากาชิม่าในตอนนี้น่ะถือว่าเป็นผู้ชายที่เรียกได้ว่าเหมือนกับ ยักษ์ตัวจิ๋ว” มากที่สุด ดังนั้นผมคิดว่าฮินาตะคงจะมีความคิดและความรู้สึกมากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ จริงๆแล้วผมก็ยังไม่รู้เลยว่าจะแสดงถึงเรื่องนี้ออกมายังไงจนกว่าจะได้ซ้อมน่ะ แต่ผมก็อยากจะแสดงการแข่งขันระหว่างสองคนนี้ออกมาให้ดีที่สุดครับ”
คาเกยาม่า “สำหรับผมแล้วหลังจากเสตจ หน้าร้อนแห่งความก้าวหน้า (進化の夏)” นี่ก็เป็นบุไตไฮคิวเสตจที่สองของผม เพราะงั้นผมคิดว่าทักษะการแสดงของผมจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน แล้วก็อยากจะแสดงให้ทุกคนได้เห็นด้วยครับ คาเกยาม่าเองก็มีอาวุธใหม่ที่เรียกว่า บอลเร็วพิสดารรูปแบบใหม่” เหมือนกัน นี่ถือเป็นการเลเวลอัพไปอีกขั้นด้วยครับ พวกเราในฐานะนักแสดง จะแสดงบุไต จะเล่นวอลเล่ย์ จะเต้น รวมถึงอยากจะแสดงสิ่งที่พวกเราฝึกฝนให้ผู้ชมได้เห็นครับ”

———- ในเสตจฤดูใบไม้ร่วงจะมีการประกาศจบการศึกษาของสมาชิกทีมคาราสึโนะ สำหรับทั้งสองคนแล้วก็เหลือเวลาอีกเพียงแค่ 1 ปีสินะ อยากจะเดินหน้าต่อไปแบบไหน?

เคนตะ มาจนถึงตอนนี้ผมจะมีการคิดตลอดว่าควรจะเตรียมตัวยังไงสำหรับเสตจต่อๆไป ประมาณว่า ในต้นฉบับต่อจากนี้จะมีการเปิดเผยเรื่องนี้นะ งั้นในเสตจต่อไปเรามาปูทางเรื่องเสตจหน้าไว้แบบนี้กันมั้ย?” แต่ตอนนี้มันก็จะมีความรู้สึกที่ว่า “จากนี้ไปคงไม่ได้คิดอะไรแบบนี้แล้วสินะ” น่ะครับ แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น มันก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่เศร้าหรือหดหู่หรอกนะครับ เรียกว่าเป็นความรู้สึกที่อยากจะตั้งตารอดูไปจนถึงท้ายของท้ายที่สุดมากกว่าครับ ถ้าได้เสียเหงื่ออย่างเต็มที่ก็คงจะดีนะ”
คาเกยาม่า ผมยังไม่ค่อยได้นึกถึงเรื่องการจบการศึกษาเท่าไหร่ครับ แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะมีความรู้สึกติดลบไปซะทีเดียว เพราะไม่ว่าจะมีเรื่องแบบไหนก็ตาม สิ่งที่พวกเราควรทำก็คือการทำให้เต็มที่ ทำให้สุดความสามารถ และพวกเราจะไม่หยุดที่ 100% แต่จะไปจนถึง 120% มันถึงจะสมกับที่เป็นบุไตไฮคิวครับ เพราะฉะนั้นพวกเราก็แค่มองตรงไปข้างหน้า แล้ววิ่งออกไปให้สุดกำลังเท่านั้น”

เพิ่มเติม
**ชื่อของ เอนโนชิตะ จิการะ (縁下 力) ย่อมาจากสำนวนญี่ปุ่นที่ว่า 縁の下の力持ち (อ่านว่า เอนโนะชิตะโนะจิการะโมจิ) ที่แปลว่า ปิดทองหลังพระ”

แหล่งที่มา : [X]

 

เกี่ยวกับ yukino_yukitty

✿ติ่ง2.5 บล๊อกเวิ่น บล๊อกแปล (แปลบ้างไม่แปลบ้างแล้วแต่อารมณ์)
เรื่องนี้ถูกเขียนใน Uncategorized และติดป้ายกำกับ , คั่นหน้า ลิงก์ถาวร

ใส่ความเห็น