แปลบทสัมฯนักแสดงทีมคาราสึโนะ ใน LIVEDOOR (19.10.2018)

3 ปีจากเสตจแรกที่ได้เสียเหงื่อ และสานต่อความรู้สึกมาจนถึงวันนี้ กับบทสรุปของ  演劇「ハイキュー!!」

**หมายเหตุ**
นี่เป็นบทความสัมภาษณ์ก่อนหน้าที่ไฮสุเตะเสตจล่าสุดจะเริ่มนะเออ
และเนื่องจากที่มันยาวมากกกกกกก ดังนั้นอาจมีจุดที่พิมพ์ผิดพลาด หรืออ่านแล้วงงๆบ้าง
ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ เพราะแปลๆไปแล้วสมองมันช๊อต และตาลายจริงๆ @_@

=====================================
สึกะ เคนตะ รับบท ฮินาตะ โชโย
=====================================

———- สึกะซังได้รับบทฮินาตะ โชโยมาตั้งแต่เสตจแรกในปี 2015 แถมยังได้รับหน้าที่สำคัญในการเป็นหัวหน้ามาตลอด 3 ปีเลยสินะครับ
ช่วงที่ทำเสตจแรกนั้น ตัวผมพยายาม และให้ความสำคัญอย่างมากกับการแสดงเป็นฮินาตะมากกว่าเรื่องของการเป็นหัวหน้าอีกครับ และที่ผมสามารถทำได้ก็เป็นเพราะการสนับสนุนของทุกคนรอบข้าง พอมาคิดดูตอนนี้แล้ว ทุกคนเป็นฝ่ายที่คอยสนับสนุนผมในการเป็นหัวหน้าจริงๆครับ

———- พอได้แสดงไปเรื่อยๆ ก็เริ่มรู้สึกถึงความเติบโตของตัวเองสินะครับ
ครับ  ผมรู้สึกว่าตัวเองค่อยๆเติบโตขึ้นในฐานะของหัวหน้า เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงแรกๆแล้ว ตอนนั้นผมว่าตัวเองเป็นมนุษย์ที่ไม่เอาไหนเลยล่ะ (หัวเราะ)

———- ตอนที่รู้เรื่องการจบการศึกษาครั้งแรก รู้สึกอย่างไรครับ?
นี่เป็นผลงานที่พวกเราได้ทำกันมาอย่างต่อเนื่อง และดำเนินมาเป็นเวลาค่อนข้างนาน ดังนั้นเรื่องที่สักวันหนึ่งพวกผมจะจบการศึกษาไปนั้น ทุกคนต่างก็คิดกันเอาไว้อยู่แล้วล่ะครับ เพราะฉะนั้น มันจึงเป็นความรู้สึกที่ว่า “ในที่สุดก็มาถึงแล้วสินะ” มากกว่า และเสตจ “最強の場所(チーム)” ในครั้งนี้ มันก็จะเป็นการเบรกเรื่องราวเอาไว้ด้วย ผมจึงคิดว่าการจบการศึกษาในช่วงเวลาแบบนี้น่าจะดีที่สุดแล้วล่ะ

———- แล้วตอนนี้รู้สึกอย่างไรครับ?
ก็อย่างที่คิดเลยครับ คือไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ผมก็ยังมีความคิดเรื่องจบการศึกษาอยู่ในใจตลอดเวลา แต่ทุกวันๆความรู้สึกที่ว่าผมอยากจะทำมันให้เต็มที่ที่สุดเพื่อไม่ให้เสียใจในภายหลังนั้น มันก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ……แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังรู้สึกกังวลอยู่มากเหมือนกัน

เพราะในไฮสุเตะนั้น ทุกๆรอบการแสดงจะมีระดับความยากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  และในครั้งนี้ผมก็รู้สึกว่ามีจุดที่ยากมากๆอยู่เหมือนกันครับ และขนาดตัวผมเองก็ยังมีการคาดหวังในเรื่องราวของเสตจครั้งนี้เอาไว้สูงมากๆ ดังนั้นมันก็จะมีความกดดันที่ว่าจะต้องทำอะไรสักอย่างให้มากกว่าที่ได้รับคำว่า “สุดยอด!” จากผู้ชมให้ได้น่ะครับ
———- ในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมานี้ มีจุดไหนที่คิดว่าสึกะซังได้เติบโตขึ้นแล้ว เหมือนกับที่ฮินาตะได้เติบโตขึ้นเช่นเดียวกันไหมครับ?
การแสดงออกไง! (หัวเราะ) ผมว่าก็เปลี่ยนไปเหมือนกันนะถ้าเทียบกับเสตจแรก ตอนนี้แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงเลย
———- ช่วงนี้ ได้ดูเสตจก่อนๆด้วยหรือเปล่าครับ
ช่วงหน้าร้อนปีนี้ ผมได้มีโอกาสดูเสตจแรกที่ฉายในโรงภาพยนตร์ด้วยครับ แต่แบบว่า…ไม่ไหวอ่ะ ผมรู้สึกเขินๆก็เลยไม่ได้ดูเลยครับ (หัวเราะ) ในตอนนั้นพวกเราพยายามอย่างเต็มที่เท่าที่มีแล้วก็จริง แต่มันก็ยังดูหยาบๆอยู่ดี ผมก็ดีใจอยู่นะที่ได้เห็นตัวเองพยายามอย่างหนักในตอนนั้น แต่ก็รู้สึกอายๆหน่อยน่ะครับ
———- ในเสตจ “はじまりの巨人” ที่ได้เปิดการแสดงไปเมื่อฤดูใบไม้ผลิปีนี้ มีการใช้เพลง Opening เดียวกับเสตจแรก และมีการกลับมาใช้เวทีแบบเอียง(八百屋舞台)ที่ได้ใช้มาจนถึงเสตจ “勝者と敗者” ด้วย รู้สึกคิดถึงช่วงเวลาของเสตจแรกๆไหมครับ?
ใช่แล้วครับ เป็นการแสดงที่เริ่มต้นด้วยการมีแค่ผมยืนอยู่คนเดียวบนเวทีแบบเอียง แล้วก็มีสปอร์ตไลท์ส่องลงมา มันเหมือนเดิมมากๆจนผมรู้สึกกระวนกระวายใจสุดๆ มันทำให้นึกถึงการแสดงในเสตจแรก แล้วก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้……แต่เพราะในคราวนี้จำนวนคนที่มารายล้อมตัวฮินาตะมีเยอะกว่าในตอนนั้น ผมเลยรู้สึกว่านี่ก็ถือเป็นการเติบโตของไฮสุเตะเหมือนกันนะ เสตจแรกนั้นมีประมาณ 20 คน แต่ในเสตจ “はじまりの巨人” มีประมาณ 30 คนได้เลยล่ะครับ
———- สำหรับบทของ ฮินาตะ โชโย เนี่ย มีความรู้สึกอะไรที่เป็นพิเศษไหมครับ?
นั่นสินะครับ ตอนที่แสดงเป็นฮินาตะนั้นผมกังวลใจมาตลอดเลยล่ะ แต่ผมก็กระตุ้นตัวเองด้วยการคิดว่า “ฉันจะแสดงเป็นฮินาตะที่มีแค่ตัวฉันเท่านั้นที่ทำได้!” ในทางกลับกัน ในใจผมก็ยังมีความคิดอย่างเช่นว่า “ถ้าคนอื่นไม่ยอมรับมันล่ะ จะทำยังไงดี?” หรือไม่ก็ “น่าจะมีคนอื่นที่ดูสมเป็นฮินาตะมากกว่าผมไม่ใช่เหรอ?” อะไรแบบนั้นอยู่เหมือนกันครับ แต่มาจนถึงตอนนี้ พอได้ยินคนพูดว่า “ฉันชอบฮินาตะของสึกะคุงนะ” มันทำให้ผมคิดว่า ดีจริงๆเลยนะที่ผมได้พยายามทำมาจนถึงตอนนี้
———- สุดท้ายนี้ สำหรับสึกะซังแล้ว 演劇「ハイキュー!!」คือ?
ยากจังแฮะ……คือตอนนี้ผมยังไม่มีความรู้สึกที่ว่ามันจะจบลงเลยครับ บางทีอาจเป็นเพราะว่าในใจของผมยังคงโฟกัสอยู่กับ 演劇「ハイキュー!!」ก็ได้  ก็เลยยังไม่รู้สึกล่ะมั้ง
สำหรับผมแล้วนี่เป็นบุไตที่ต่อเนื่องยาวนานเรื่องแรกของผม ดังนั้นมันจึงกลายเป็นผลงานชิ้นเอกในชีวิตของผมในฐานะนักแสดงบุไต……เพราะฉะนั้น สำหรับผมในตอนนี้ 演劇「ハイキュー!!」คงเป็น “ทุกอย่าง” ของผมครับ

=====================================
คาเกยาม่า ทัตสึยะ รับบท คาเกยาม่า โทบิโอะ
=====================================

———- คาเกยาม่าซังได้เข้าร่วมในผลงานนี้ตั้งแต่เสตจ “進化の夏” ที่จัดการแสดงในเดือนกันยายน 2017 สินะครับ ตอนที่รู้เรื่องการจบการศึกษาของสมาชิกทุกคนในคาราสึโนะ รู้สึกอย่างไรบ้างครับ ?
ตกใจครับ แต่ผมก็เปลี่ยนความรู้สึกนั้นให้เป็นความคิดที่ว่า “มาทำสิ่งที่ทำได้ในตอนนี้กันเถอะ” ทันที  เพราะผมไม่อยากจะเสียใจในภายหลัง แต่จริงๆแล้วผมก็มีความรู้สึกที่อยากจะทำมันให้มากกว่านี้อยู่เหมือนกันครับ เพราะผมอุตส่าห์ค้นพบแนวทางของตัวเองจากเสตจ  “はじまりの巨人” ได้แล้วแท้ๆน่ะ แต่สิ่งที่สำคัญในตอนนี้ก็คือ ผมอยากจะพยายามทำในสิ่งที่ผมสามารถทำได้ในตอนนี้อย่างเต็มที่ซะก่อน
———อะไรเป็นสิ่งสำคัญในการรับบทเป็นคาเกยาม่า โทบิโอะครับ?
ผมคิดว่าความสัมพันธ์กับสึกะ เคนตะซังก็เป็นสิ่งที่สำคัญครับ แต่เหนือสิ่งอื่นใดเลยก็คือความรู้สึกที่ว่าผมไม่ใช่คนที่สร้างคาเกยาม่า โทบิโอะขึ้นมาเพียงคนเดียว ยังมีคิมุระ ทัตสึนาริคุงที่แสดงเป็นคาเกยาม่า โทบิโอะมาก่อนหน้าผมด้วย ผมจึงคิดว่านี่ไม่ใช่การรับบทต่อ แต่เป็นความรู้สึกที่ว่าเราได้ร่วมสร้างมาด้วยกันมากกว่าครับ
———-นั่นเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับคาเกยาม่าซังสินะครับ
ใช่แล้วครับ แล้วก็สิ่งที่ผมให้ความสำคัญกับการแสดงเป็นโทบิโอะก็คือเรื่องที่เขาเป็นนักเรียนมัธยมปลายครับ ทั้งส่วนที่เขาเงอะงะไม่เอาไหน ทั้งท่าทางที่เขาหลงใหลในวอลเล่ย์บอลที่เขาชอบมากๆ ทั้งหมดนี้ผมคิดว่าเพราะเขาเป็นนักเรียนมัธยมปลายนั่นแหล่ะ ถึงสามารถทำเรื่องพวกนี้ได้ เพราะถ้าหากเป็นวัยคนทำงานมันล่ะก็ บางทีอาจจะมีความรู้สึกแตกต่างไปอีกแบบหนึ่งเลยก็ได้ ดังนั้นผมจึงแสดงโดยการให้ความสำคัญกับเรื่องของการที่สมกับเป็นนักเรียนมัธยมปลายด้วยครับ
———-นึกถึงเรื่องในสมัยมัธยมของตัวเองด้วยเหรอครับ?
ช่วงสมัยมัธยมของผมก็มีส่วนที่ต้องซิงโครเหมือนกันนะ เพราะผมเล่นฟุตบอลน่ะครับ  และผมก็ชอบฟุตบอลมากๆด้วย ผมอยากจะเก่งขึ้นเร็วๆก็เลยฝึกซ้อมทุกวันเลย ได้ลงแข่งบ้าง ไม่ได้ลงแข่งบ้าง แล้วก็มีทะเลาะกับเพื่อนร่วมทีมบ้าง ได้แบ่งปันเรื่องที่น่ายินดีร่วมกันบ้าง……นั่นจึงทำให้ในขณะที่ทำการแสดงไป ผมก็นึกถึงความรู้สึก และประสบการณ์มากมายในตอนนั้นไปด้วย
———-โรงเรียนคาราสึโนะนั้นเป็นที่ชื่นชอบอย่างมาก เพราะมีการแอดลิปเยอะ ไม่ทราบว่าตอนนี้ชินหรือยังครับ? เพราะอย่างตอนที่ได้สัมภาษณ์ตอนเสตจ “進化の夏” คาเกยาม่าซังเคยพูดเอาไว้ว่า “ตัวเองไม่สามารถรับมุกได้ ต้องหลุดหัวเราะออกมาตอนแอดลิปตลอดเลย” น่ะ
เริ่มชินขึ้นบ้างแล้วครับ แต่ส่วนใหญ่ผมก็มักจะทนไม่ไหว ต้องหัวเราะออกมาตลอดเลย (หัวเราะ) มันช่วยไม่ได้นี่ครับ ก็ผมคาดไม่ถึงนี่นา
———-ใครที่แอดลิปเยอะสุดเหรอครับ?
น่าจะเรียวทาโร่ครับ อย่างเช่น จู่ๆก็พูดออกมาประมาณว่า “ข้าวเที่ยงวันนี้ นายกินอะไร?” แบบนี้น่ะครับ เขาทำตามอำเภอใจเกินไปแล้ว (หัวเราะ)
———-แม้แต่ตอนที่อยู่บนเวที ความสนิทสนมของคาเกยาม่าซังกับนักแสดงทุกคนก็ได้ถูกถ่ายทอดออกมาด้วย คิดว่าในบรรดาสมาชิกคาราสึโนะ ใครที่เปลี่ยนไปมากที่สุดจากภาพในวันแรกที่ได้เจอครับ?
อืมมมม ใครกันนะ? จริงๆแล้วในบรรดาสมาชิกคาราสึโนะนั้น มีอยู่หลายคนเลยครับที่ผมได้ร่วมงาน หรือแสดงในบุไตเรื่องอื่นด้วยกัน แต่คนที่เปลี่ยนไปมากที่สุดก็น่าจะเป็นสึกะ เคนตะซังล่ะมั้งครับ เพราะว่าก่อนที่เราจะได้เจอกันนั้น ผมจะรู้จักสึกะ เคนตะซังจากแค่ในจอเท่านั้นครับ ดังนั้นสึกะ เคนตะซังที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความเมตตาแบบนี้จึงเป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับผมเลยล่ะ (หัวเราะ)
———-เคยคิดว่าเขาเป็นคนแบบไหนเหรอครับ?
อาจจะเสียมารยาทไปหน่อย คือผมได้ดูเขามาตั้งแต่เขาเป็นนักแสดงเด็กแล้วล่ะครับ ดังนั้นผมจึงสร้างภาพขึ้นมาเองว่า เขาช่างเต็มไปด้วยออร่าในการเป็นนักแสดงจริงๆ!แต่พอได้มาเจอกัน และอยู่ด้วยกันแล้ว เขาค่อนข้างเป็นคนขี้เหงา แล้วก็มีควาน่ารักน่าเอ็นดูอยู่เยอะเลยล่ะครับ ท่าทางตอนที่เขากำลังทานข้าว แล้วยิ้มปริ่มพูดว่า “อร่อย!” นั้นน่ารักน่าเอ็นดูมากเลย (หัวเราะ) แน่นอนว่าตัวผมเคารพเขาในฐานะนักแสดงด้วยเช่นกัน แต่ยังไงเขาก็เป็นคนที่ผมรู้สึกว่าเปลี่ยนไปมากที่สุดจากภาพในวันแรกที่ผมได้เจออยู่ดี แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงในความหมายที่ดีนะครับ
———-เอาล่ะ คำถามสุดท้ายแล้วครับ สำหรับคาเกยาม่าซังแล้ว 演劇「ハイキュー!!」คือ?
「สถานที่ที่ให้ความท้าทาย」ล่ะมั้งครับ  ผมน่ะไม่ใช่ประเภทที่มีความกระตือรือร้นมากมายอะไรครับ ถ้าจะให้บอกว่าผมเป็นประเภทไหนนั้น ก็คงเป็นประเภทที่จะค่อยๆคิด แล้วค่อยๆทำออกมาครับ และพวกเขาก็เข้าใจผมในเรื่องนี้ดี และยอมรับฟังความคิดเห็นของผม หรือในตอนที่ผมเกิดความลังเลก็จะมีคนคอยผลักดันผมว่า “ลองท้าทายดูก็ได้นี่” ด้วย ดังนั้นสำหรับผมแล้ว…นี่เป็นสถานที่ที่แสนวิเศษมากเลยล่ะครับ

=====================================
โคซากะ เรียวทาโร่ รับบท สึกิชิม่า เคย์
=====================================

———-หลังจากที่มีการประกาศจบการศึกษาของสมาชิกคาราสึโนะทุกคนแล้ว ก็ได้ทำการแสดงเสตจ “はじまりの巨人” ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ส่วนตอนนี้ก็กำลังมุ่งกับการซ้อมเสตจ “最強の場所(チーム)” สินะครับ ไม่ทราบว่าทำการฝึกซ้อมด้วยความรู้สึกแบบไหนเหรอครับ?
ก็ปกติเหมือนเดิมครับ ผมไม่ได้กังวลเรื่องการจบการศึกษา หรือคิดว่าจะไม่มีครั้งหน้าแล้วสินะ อะไรแบบนั้นเลย ตอนนี้ผมกำลังซ้อมอย่างเต็มที่แล้วก็สนุกไปกับทุกคนครับ
———-คงจะรู้สึกเหงามากๆตอนรอบสุดท้ายสินะครับ?
ต้องร้องไห้แน่นอนครับ (หัวเราะ)
———-สารภาพตั้งแต่ตอนนี้เลยเหรอ!?
เพราะจนถึงตอนนี้ ถึงผมจะรู้ว่าพวกเรายังจะมีการแสดงครั้งต่อๆไป ผมก็ยังร้องไห้ออกมาซะทุกครั้งเลยน่ะสิครับ  ดังนั้นถ้าเป็นการแสดงครั้งสุดท้ายของสุดท้ายจริงๆล่ะก็…..อืม ตัวผมก็ไม่รู้ครับว่าจะเป็นยังไง เพราะเป็นโลกที่ผมยังไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน ก็เลยเฝ้ารอดูเหมือนกันครับว่าจะออกมาเป็นแบบไหน
———-ตอนที่รู้เรื่องการจบการศึกษาครั้งแรกนั้น รู้สึกอย่างไรครับ?
คำกล่าวที่ว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างมีเริ่มต้น ก็ต้องมีจบ” นั้นเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ครับ เพราะฉะนั้นผมจึงเข้าใจในเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว…… และแทนที่จะรู้สึกเศร้า ผมกลับรู้สึกประสบความสำเร็จมากกว่า ที่ตัวเองได้มีส่วนร่วมใน 演劇「ハイキュー!!」ที่ได้ร่วมทำมาเป็นระยะเวลานานครับ
———-มีเรื่องอะไรที่ให้ความสำคัญในการแสดงเป็นสึกิชิม่ามาตั้งแต่เสตจแรกรึเปล่าครับ?
สึกิชิม่านั้นจะบอกว่าเป็นคนที่ดื้อหรือเอาแต่ใจก็ไม่ใช่ครับ ผมคิดว่าจริงๆแล้วเขาเป็นคนที่มีลักษณะนิสัยที่ไม่ซื่อตรง และมักพูดอะไรตรงข้ามกับที่คิดมากกว่า ดังนั้นผมจึงแสดงออกมาอย่างละเอียดอ่อน และให้ความสำคัญอย่างมากกับการแสดงความรู้สึก อย่างเรื่องการขยับตา การกระทำ หรือวิธีการยืน เป็นต้น คือแทนที่จะแสดงให้ดูเป็นละครเวทีจ๋าไปเลย แต่ผมจะพูดด้วยเสียงเบาๆ และคำนึงถึงเรื่องการแสดงให้ดูเป็นธรรมชาติอยู่เสมอ
———-ในบทละครนั้น มีซีนจำนวนมากที่มีเพียงแค่สึกิชิม่ากับยามากุจิ
ตอนเสตจแรกนั้นพวกเราสองคนได้คุยกันเยอะแยะมากมายเลยล่ะครับ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดในการที่จะแสดงความสัมพันธ์ของทั้งสองออกมาให้เห็นนั้น อันดับแรกเลยก็คือการแสดงออกผ่านการแสดงครับ แต่พอพวกเราทำการแสดงไปเรื่อยๆ ก็กลายเป็นว่าถึงแม้จะไม่ได้คุยกัน เพียงแค่มองตากัน เราก็สามารถเข้าใจกันได้แล้วครับ
———-เป็นอารมณ์ที่เหมือนกับสนิทกันมาตั้งแต่เด็กจริงๆเลยสินะครับ?
ใช่ครับ แต่ในเสตจ “進化の夏” นั้น เป็นช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ของสึกิชิม่ากับยามากุจิที่มีมาจนถึงตอนนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก พวกเราก็เลยมีการพูดคุยกันเยอะพอสมควร และก็กังวลกันมากจนถึงการซ้อมครั้งสุดท้ายเลย……ถึงแม้ในวันแรกของการแสดงพวกเราจะงัดเอาพลังออกมามากกว่า 100% แต่ก็ยังรู้สึกว่ามันยังไม่เพียงพอสำหรับ 演劇「ハイキュー!!」อยู่ดีครับ เพราะความรู้สึกที่พวกเรามุ่งมั่นอยากจะทำให้มันดีมากขึ้นไปอีกนั้นมันเดือดพล่านมากๆ ดังนั้นแม้แต่ในตอนแสดงจริง พวกเราก็ยังมีการปรึกษาหารือกันอยู่ตลอดครับ
———-มีเรื่องที่คิดว่าดีจริงๆที่มิอุระซังเป็นยามากุจิไหมครับ?
พวกผมรุ่นเดียวกันครับ เพราะงั้นก็จะมีความรู้สึกที่พวกเราเป็นคู่แข่งกันอยู่มากเลยทีเดียว เวลาที่ไคริทำได้ดี ก็จะมีบ้างที่ผมรู้สึกเจ็บใจ และทำให้ผมคิดว่าผมเองก็ต้องพยายามให้มากขึ้นกว่านี้ แต่ในจุดนั้นมันก็ทำให้กลายเป็นการร่วมมือกัน และสามารถช่วยผลักดันกันและกันได้ครับ
———-ในรายการ『アウト×デラックス』(ช่องฟูจิทีวี)นั้น โคซากะซังได้ระเบิดความรักที่มีต่อสึกะซังออกมาด้วยสินะครับ
พอผมได้คุยเรื่องเกี่ยวกับเคนตะคุงแล้วมันหยุดไม่ได้นะครับ (หัวเราะ)

———-มีเหตุผลที่ทำให้ชอบเขาถึงขนาดนั้นไหมครับ?
เรื่องการแสดงนั้นมันก็แน่นอนอยู่แล้วครับ แต่เรื่องที่เขาเอาใจใส่ และเอ็นดูผมที่ได้เล่น 演劇「ハイキュー!!」ซึ่งเป็นผลงานบุไตเรื่องแรกนั้น ทำให้ผมดีใจมากๆเลย!! ผมก็คิดนะครับว่า ทั้งๆที่เคนตะคุงเป็นถึงรุ่นพี่ใหญ่ของนักแสดง มีผลงานมากมาย แล้วจะดีเหรอที่มาใจดีกับผมขนาดนี้? น่ะ ฮ่าๆๆๆๆ แต่เขาใจดีจริงๆนะครับ รู้ใช่มั้ยครับ?
———-ความใจดีของเขามันฉายออกมาทางหน้าตาเนอะ
ใช่แล้วครับ! เขาใจดีสุดๆเลยครับ!! ผมไม่ค่อยอัพหรือพูดเรื่องนี้ทางทวิตเตอร์ แต่พวกเราสองคนออกไปกินข้าวด้วยกันค่อนข้างบ่อยเลยล่ะครับ ผมคิดว่าพวกเราเข้ากันได้ดีเลยล่ะ
ในฐานะมนุษย์คนนึงแล้ว ผมนับถือเขาทุกอย่างเลย จริงๆแล้วในการออดิชั่นของ 演劇「ハイキュー!!」ผมได้ออดิชั่นพร้อมกับเคนตะคุงครับ พอผมได้เห็นการแสดงของเขาด้วยตาตัวเอง ผมรู้สึกว่าตัวเองถูกครอบงำไปเลยล่ะครับ ผมขนลุกเลย แล้วก็มั่นใจว่า “บทฮินาตะเนี่ยต้องเป็นเคนตะคุงเท่านั้น”
———–เอาล่ะ คำถามสุดท้ายแล้วครับ สำหรับโคซากะซังแล้ว 演劇「ハイキュー!!」คือ?
อืม คืออะไรดีล่ะ? คงเป็น「หน้า 1 ของชีวิตผม」ล่ะมั้งครับ เพราะหลังจากที่ผมได้เข้าออดิชั่นใน 演劇「ハイキュー!!」ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนไป ถ้าผมไม่ได้พบกับ 演劇「ハイキュー!!」ล่ะก็ อาจจะไม่มีตัวผมในตอนนี้ก็ได้ครับ นี่เป็นผลงานที่สำคัญมากในชีวิตของผมถึงขนาดนั้นเลยล่ะครับ และผมจะไม่มีวันลืมตลอดชีวิตเลย

=====================================
มิอุระ ไคริ รับบท ยามากุจิ ทาดาชิ
=====================================

———-มิอุระซังได้ร่วมแสดงเป็นยามากุจิ ทาดาชิมาตั้งแต่เสตจแรกสินะครับ ตอนที่แคสคาราสึโนะประกาศจบการศึกษานั้นรู้สึกอย่างไรบ้างครับ?
ถึงแม้ว่าผมจะไปทำงานในที่อื่น ๆ หรือบุไตเรื่องอื่น ผมก็ยังมีสถานที่ที่จะให้กลับมา จนนั่นกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วครับ แต่พอคิดว่าเรื่องปกติที่ว่านั่นกำลังจะหายไป มันทำให้ผมรู้สึกเหงาๆอยู่ไม่น้อยเลย ในขณะเดียวกันก็มีความรู้สึกที่ว่าตัวเองต้องพยายามทำผลงานเรื่องนี้ให้ออกมาดีที่สุด เพื่อที่จะได้จบการศึกษาไปพร้อมกับทุกคนด้วยรอยยิ้มให้ได้ครับ
———-ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการซ้อม “最強の場所(チーム)”  สินะครับ ถ้าเทียบกับตอนที่ประกาศจบการศึกษาแล้ว ความรู้สึกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้างครับ?
จริงๆแล้วผมยังไม่ได้มีความรู้สึกที่ว่านี่เป็นครั้งสุดท้ายเลยครับ…… แต่ถ้าการแสดงเริ่มขึ้น ยิ่งถึงช่วงหลังๆมากเท่าไหร่ ความรู้สึกที่ว่านั้นก็อาจจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นก็ได้
———-ผมได้ยินหลายเสียงบอกว่า「ดีจริงๆที่ยามากุจิ ทาดาชิเป็นมิอุระคุง」ด้วยล่ะครับ
ดีใจมากๆเลยครับ!!
———-ในการแสดงเป็นยามากุจินั้นมีเรื่องที่ให้ความสำคัญมาตลอดไหมครับ?
สิ่งที่ผมระมัดระวังตอนที่แสดงก็คือการไม่ทำให้สะดุดตาเกินไปครับ ในต้นฉบับเองก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน ตัวคาแรคเตอร์จะต้องไม่เหมือนอย่างฮินาตะ โชโย หรือทานากะ ริวโนะสุเกะที่มีความอเลิทเกิน อย่างตะโกนว่า “เย่ー!” อะไรแบบนั้น (หัวเราะ)  แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะลบการมีตัวตนของยามากุจิไปนะครับ เพราะยังไงซะก็ต้องมีตัวตนอยู่บนเวที ผมจึงตั้งเป้าหมายไว้ว่า ทำยังไงถึงจะสามารถอยู่บนเวทีได้อย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่สะดุดตากันนะ? ดังนั้นตอนที่มีฉากเด็ดของยามากุจิ ผมจะคำนึงเสมอว่าจะทำยังไงจึงจะสามารถหลงเหลืออิมแพคได้เยอะๆ
———-ยามากุจิและสึกิชิม่าของทั้งสองคนนั้นน่าประทับใจมากๆเลยครับ มีเรื่องที่คิดว่าดีจริงๆที่โคซากะซังเป็นสึกิชิม่าไหมครับ?
อย่างแรกก็คือการที่พวกเราเป็นรุ่นเดียวกันครับ ผมคิดว่าเพราะเป็นรุ่นเดียวกัน ก็เลยทำให้บรรยากาศที่ออกมามันสอดคล้องกับความเป็นเพื่อนสมัยเด็กของยามากุจิกับสึกิชิม่าได้ แล้วก็ทั้งผมและเรียวทาโร่นั้นมีงานบุไตเรื่องแรกคือ 演劇「ハイキュー!!」เหมือนกัน ก็เลยอาจจะเป็นเรื่องที่ดีที่พวกเราคอยช่วยเหลือกันและกันในช่วงเวลาที่ยังไม่รู้อะไรเลย แล้วก็อาจจะทราบกันอยู่แล้วนะครับ ก็คือบ้านเกิดพวกเราอยู่ใกล้กัน มันก็เลยช่วยลดระยะห่างของพวกเราสองคนไปด้วยครับ นอกเหนือจากนั้นก็……
———-นอกเหนือจากนั้น?
เพราะพวกเรารุ่นเดียวกัน ก็เลยมีความรู้สึกของการเป็นคู่แข่งกันในความหมายที่ดีด้วยครับ เวลาที่เรียวทาโร่ทำได้ดี ผมก็จะคิดว่า “ฉันเองก็จะแพ้ไม่ได้นะ” อะไรแบบนั้นครับ ผมได้รับแรงผลักดันที่ดีมาเยอะแยะเลยครับ แล้วก็คิดมาตลอดเลยว่าดีจริงๆที่เป็นเรียวทาโร่
———-ในฐานะนักแสดง มิอุระซังได้เรียนรู้อะไรผ่านบุไตเรื่องแรกอย่าง 演劇「ハイキュー!!」บ้างครับ?
สำหรับบุไตที่มีความแตกต่างจากภาพเคลื่อนไหวอย่าง ภาพยนตร์ หรือละครนั้น ถึงจะเป็นบทพูดเดียวกัน แต่เงื่อนไขของวันนั้น หรือการตอบสนองของผู้ชม แต่ละครั้งจะค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ถึงแม้จะทำเรื่องเดิมๆ แต่ก็ได้เรียนรู้ในสิ่งที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นผมจึงตั้งใจจะแสดงแต่ละรอบๆให้ดีที่สุดครับ
———-มิอุระซังนั้นมีอายุครบ 20 ปีตอนที่กำลังแสดง “烏野、復活!” ที่ได้แสดงในปี 2016 สินะครับ คิดว่าตั้งแต่ช่วงอายุ10ปีมาถึงอายุ20ปีนี้น่าจะได้ใช้ช่วงเวลาที่มีค่าอยู่มากเลยทีเดียว มีเรื่องที่คิดว่าตัวเองได้เติบโตขึ้นแล้วในฐานะมนุษย์ไหมครับ?
เรื่องอะไรน้า…… อ๊ะ ผมสังเกตคนรอบข้างมากขึ้นครับ ผมสามารถสังเกตุเห็นการเปลี่ยนแปลงของคนอื่นได้ อย่างเช่นว่าเขากำลังไม่โอเค หรือกำลังหงุดหงิด เป็นต้นครับ เพราะช่วงตอนอายุหลักสิบนั้นผมไม่เคยสังเกตุเลย ดังนั้นนี่จึงเหมือนเป็นหลักฐานที่ว่าผมได้กลายเป็นผู้ใหญ่แล้วจริงๆ (หัวเราะ)
———-เอาล่ะ คำถามสุดท้ายแล้วครับ สำหรับมิอุระซังแล้ว 演劇「ハイキュー!!」คือ?
อืมมม ยากจัง คืออะไรดีล่ะ ทุกคนพูดว่า「ครอบครัว」กันรึเปล่าครับ?
———-ไม่มีคนพูดแบบนั้นเลยครับ ฮ่าๆๆๆ 
ไม่มีใครพูดเลยเหรอ ฮ่าๆๆๆ อะไรดีล่ะ「บ้าน」ล่ะมั้งครับ? ไปที่บ้านกันเถอะ! สำหรับ 演劇「ハイキュー!!」นั้น ถ้าผมจะบอกว่ามันเป็นสถานที่ที่ชีวิตนักแสดงของผมได้เริ่มต้นขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องที่เกินจริงเลยครับ และถึงแม้ว่าจากนี้ไปผมจะจบการศึกษาลง แต่ถ้าผมได้ใช้ประสบการณ์ที่สั่งสมมา และสามารถทำกิจกรรมอะไรสักอย่างร่วมกับสมาชิกคาราสึโนะได้อีกครั้งก็คงจะดี และผมคิดว่ากิจกรรม หรือบุไตเรื่องอื่นๆที่ผมจะได้ทำต่อจากนี้เป็นต้นไป มันจะเป็นหนึ่งในการตอบแทนบุญคุณของผลงานเรื่องนี้ด้วยเหมือนกันครับ นี่คือความหมายของคำว่า “บ้าน” ของผม

=====================================
ชิโอตะ โคเฮ รับบท ทานากะ ริวโนะสุเกะ
=====================================

———-ตอนที่ได้ยินเรื่องการประกาศจบการศึกษาครั้งแรกนั้น รู้สึกอย่างไรบ้างครับ?
ผมเคยแสดงในมิวสิเคิล『テニスの王子様』มาก่อนครับ ก็เลยคิดอยู่ตลอดว่าบุไตที่เป็นซีรี่ส์แบบนี้ สักวันหนึ่งจุดสิ้นสุดก็จะต้องมาถึง ทุกคนก็ยังพูดกันอยู่เลยครับว่า “การที่เบรกเรื่องราวเอาไว้จนถึงโรงเรียนชิราโทริซาว่านี่ก็ถือเป็นช่วงที่ดีเลยล่ะนะ”
———-นั่นสินะครับ ตอนนี้เองการแสดงจริงที่จะเป็น “การแข่งขันครั้งสุดท้าย” ก็ใกล้เข้ามาแล้ว  ชิโอตะซังรู้สึกอย่างไรครับ?
ทั้งตัวผม และทุกคนไม่ได้กังวลใจเรื่องการจบการศึกษาเลยครับ อาจเพราะพวกเรามีความรู้สึกของผู้ชมมากกว่ามีความรู้สึกของนักแสดงอยู่ล่ะมั้ง และผมเองก็ได้รับข้อความที่ว่า “ถึงจะเสียดายที่จบการศึกษา แต่พยายามเข้านะ” จากแฟนๆอยู่เยอะด้วย ซึ่งผมอยากจะขอบคุณสำหรับเรื่องนั้นครับ แต่พวกผมก็ยังคงเหมือนเดิม คือยังคงทำมันด้วยความรู้สึกที่อยากจะส่งมอบสิ่งที่วิเศษนี้ให้ได้ในทุกๆรอบการแสดงครับ
———-ในการแสดงเป็นทานากะ ริวโนะสุเกะนั้น มีเรื่องอะไรที่ให้ความสำคัญมาตลอดไหมครับ?
ทานากะเนี่ยเป็นคาแรคเตอร์ประเภทที่เคลื่อนไหวไปมาได้ ก็เลยจะมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆเยอะใช่ไหมล่ะครับ  เพราะเพียงแค่เคลื่อนไหวไปโน่นไปนี่ก็จะทำให้เกิดความสัมพันธ์ต่างๆนานาขึ้นมาได้แล้ว ดังนั้นผมจึงให้ความสำคัญอย่างมากกับวิธีการทำรีแอคชั่นครับ อย่างเช่นว่า ถ้าไดจิซังเป็นรุ่นพี่ที่น่ากลัว ทานากะก็จะมีรีแอคชั่นท่าทางกลัวๆออกมา นั่นจะทำให้ไดจิซังดูเป็นคนที่น่ากลัวจริงๆ หรือถ้าอยากจะทำให้ฮินาตะดูเป็นคนที่น่ารัก ทานากะก็จะแสดงท่าทางแบบว่า “น่ารักจังเลยน้า” ออกมา ทำให้ฮินาตะดูเป็นคนที่น่ารักจริงๆ ผมจะคำนึงอยู่เสมอว่าตัวเองจะรีแอคชั่นกลับไปยังไง ถึงจะเกิดประโยชน์กับฝ่ายตรงข้ามมากที่สุดน่ะครับ
———-ทำเรื่องแบบนี้ตั้งแต่เสตจครั้งแรกเลยเหรอครับ?
เปล่าครับ ตอนเสตจแรกนั้นผมคิดว่าผมไม่สามารถทำได้หรอก  ผมคิดว่ามันเกิดจากการสั่งสมประสบการณ์มาจากการทำการแสดงมาเรื่อยๆ จนคุ้นชินกับบทในที่สุดน่ะครับ
ทานากะเนี่ย ค่อนข้างมีบทบาทในตัวต้นฉบับอยู่มากก็จริง แต่ว่าก็ยังมีอีกหลายด้านของทานากะ ริวโนะสุเกะที่ทุกคนมองไม่เห็น หรือมีส่วนที่ในต้นฉบับไม่มีอยู่ด้วยใช่มั้ยล่ะครับ ผมคิดว่าถ้าผมแสดงส่วนนั้นออกมาได้ ก็จะสามารถแสดงความรู้สึก ท่าทางของทานากะ ริวโนะสุเกะออกมาได้มากขึ้น ดังนั้นผมจึงทำไปด้วย จินตนาการไปด้วยว่าทำยังไงคาแรคเตอร์นี้ถึงจะเติบโตขึ้น
———-หมายความว่า พออ่านมังงะก็จะมีการขยายเนื้อหาด้วยความคิด และจินตนาการของตัวเองสินะครับ?
ก็มีการอ่านจากต้นฉบับด้วยครับ แต่กรณีของผมนั้นคือการอ่านจากบทบุไต เพราะในบทบุไตนั้น ไม่ได้มีการวาดเป็นรูปภาพออกมา ดังนั้นจึงต้องใช้พลังในการจินตนาการมากกว่าอย่างอื่น  ถ้าผมอ่านมังงะแล้วเลียนแบบสิ่งที่ผมเห็น มันก็จะกลายเป็นแค่การเลียนแบบไป ซึ่งมันจะมีความลึกซึ้งที่แตกต่างกับการที่ตัวเองจินตนาการ แล้วแสดงออกมาครับ แต่หมู่นี้เรื่องการจินตนาการมันกลายเป็นเรื่องสนุกสำหรับผมไปแล้วล่ะ ฮ่าๆๆๆ
———-โรงเรียนคาราสึโนะนั้นมีอิมเมจเรื่องการแอดลิปอยู่เยอะมาก และแอดลิปของชิโอตะซังก็ตลกมากเลยล่ะครับ
ขอบคุณครับ แอดลิปพวกนั้นน่ะผมคิดสดๆทั้งหมดเลย
———-คิดสดๆเลยเหรอ!?
เรียกว่าเป็นการเล่นแอดลิปที่เราได้คิดเอาไว้ในตอนซ้อมมากกว่าครับ ถึงจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาตอนซ้อมก็เถอะ แต่แอดลิปก็คือแอดลิปนั่นล่ะเนอะ ฮ่าๆๆๆ  บางครั้งก็มีบ้างที่ไอเดียผุดขึ้นมาระหว่างการแสดงจริง แล้วผมก็เล่นซะเดี๋ยวนั้นเลย
———-ปกติก็คิดเรื่องตลกๆเอาไว้ตลอดเลยเหรอครับ?
ไม่ได้คิดครับ ฮ่าๆๆๆ ถ้าคิดเอาไว้แล้วก็จะกลายเป็นแค่คนคอยปล่อยมุกเท่านั้นน่ะสิครับ ผมว่าการเล่นโดยที่ไม่ได้เตรียมเอาไว้ก่อนเนี่ยแหล่ะ มันถึงจะตลก
———-ตอนที่มุกแป๊กนี่ มีท้อบ้างมั้ยครับ?
ใจผมแข็งแกร่งครับ เลยไม่ได้เก็บมาใส่ใจ (หัวเราะ)
———-ในบรรดาสมาชิกทั้ง 10 คนของคาราสึโนะนั้น คิดว่าในบรรดาสมาชิกคาราสึโนะทั้งหมด 10 คน ใครที่เปลี่ยนไปมากที่สุดจากภาพในวันแรกที่ได้เจอครับ?
ยูโตะเลยครับ ยูโตะเพิ่งจะได้มาเข้าร่วมในเสตจที่ 4 อย่าง “進化の夏” นี่เองครับ ในตอนแรกนั้นเขาเป็นคนที่โคตรจะสงบเสงี่ยมเรียบร้อยเลยล่ะ ตอนที่เจอกันครั้งแรกนั้นเขาดูตึงเครียดสุดๆ ไม่ว่าจะถามอะไรไปก็ตอบกลับมาแค่ “ครับ” อย่างเดียว (หัวเราะ) แต่ตอนนี้เขาก็เป็นเพื่อนคนนึงที่สามารถคุยกันได้ทุกเรื่องแล้วล่ะครับ
———-เอาล่ะ คำถามสุดท้าย สำหรับชิโอตะซังแล้ว 演劇「ハイキュー!!」คือ?
ยากจังเลยนะเนี่ย อืม…. เป็น「สถานที่ที่มีความสุข」ล่ะมั้งครับ เป็นสถานที่ที่ผมถูกรายล้อมไปด้วยบุคคลที่แสนยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นนักแสดง ผู้ชม หรือสต๊าฟ และพวกเรายังได้ทำในสิ่งที่อยากจะทำอย่างอิสระด้วย เป็นคัมปานีที่มีความสุขจริงๆ……ไม่สิ รอแป๊บนะครับ
———-รออยู่ครับ!
ผมเปลี่ยนเป็น「ปฏิกิริยาเคมี」แล้วกัน เพราะที่นี่มีนักแสดงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอยู่เต็มไปหมด  พอคนเหล่านั้นได้มาเผชิญหน้ากันมันก็ระเบิดบู้ม! เกิดเป็นสิ่งดีๆขึ้นมาครับ (หัวเราะ) เพราะงั้นเลยเลือกให้เป็น「ปฏิกิริยาเคมี」ครับ

=====================================
ฟูจิโนะ ยูโตะ รับบท นิชิโนยะ ยู

=====================================

———-ตอนที่รู้เรื่องการจบการศึกษาของสมาชิกทุกคนในคาราสึโนะนั้น รู้สึกอย่างไรบ้างครับ?
ผมรู้สึกว่าในช่วงเวลาที่เรียกได้ว่าเป็นจุดไคลแมกซ์ของผลงานแบบนี้ นี่ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการสำเร็จการศึกษาแล้วครับ ไม่แน่ว่าลึกๆในใจของผมอาจจะเตรียมใจเอาไว้อยู่แล้วก็ได้  ตอนนี้ผมพยายามที่จะไม่คิดเกี่ยวกับการสำเร็จการศึกษา แต่ก็ไม่ได้มีความรู้สึกเศร้าอะไรนะครับ มันเป็นความรู้สึกที่ตั้งตารอคอยวันที่จะได้เริ่มการแสดงจริง และอยากจะเห็นการแสดงที่พวกเราทุกคนจะได้ทำร่วมกันเร็วๆมากกว่า
———-ฟูจิโนะซังได้เข้าร่วมในผลงานชิ้นนี้ตั้งแต่เสตจที่ 4 “進化の夏” เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้วสินะครับ
ใช่แล้วครับ ในทุกๆเสตจนั้น ผมมีความรู้สึกว่าพวกเราได้ใช้เวลามากมายอยู่ด้วยกันจริงๆเลยล่ะนะ มีนักแสดงที่แสดงกันมา3ปีตั้งแต่เสตจแรก ผมว่าพวกเขาจะต้องมีความรู้สึกเกี่ยวกับผลงานนี้อยู่มากมายมากแน่ๆ  แต่ผมก็ตั้งใจที่จะพยายามไปจนถึงท้ายที่สุดไม่ให้แพ้ความรู้สึกของพวกเขาเหมือนกันครับ
———-มีเรื่องอะไรที่ให้ความสำคัญในการแสดงเป็นนิชิโนยะ ยูเป็นพิเศษไหมครับ?
ผมคิดว่าซาวามูระ ไดจิที่เป็นกัปตันของเรานั้นเป็นคนที่คอยค้ำจุนทางด้านจิตใจของทีม แต่จุดยืนของนิชิโนยะนั้น เขาจะเป็นที่คอยปลุกกระตุ้น และเสริมสร้างขวัญกำลังใจให้กับสมาชิกในทีมด้วยคำพูด  ถือว่าเขาก็เป็นคนที่คอยค้ำจุนทางด้านจิตใจอีกคนนึงของคาราสึโนะเลย ถึงแม้เขาจะตัวเล็ก แต่ก็มีความเป็นลูกผู้ชายมากกว่าใครๆ และผมจะจำใส่ใจเอาไว้เสมอว่าผมจะเป็นรากฐานของทีมคาราสึโนะ
———-จริงๆแล้วฟูจิโนะซังมีลักษณะนิสัยแบบไหนครับ?
ผมอาจจะเป็นคนที่อยู่ไม่สุขเหมือนอย่างนิชิโนยะก็ได้นะครับ แต่ไม่ใช่ประเภทที่ปล่อยทัศนคติที่ดีงามขนาดนั้นหรอกนะ (หัวเราะ)
———-การที่แสดงใน 演劇「ハイキュー!!」นั้น มีเรื่องที่ตัวเองรู้สึกว่าได้เติบโตขึ้นในฐานะนักแสดงไหมครับ?
ผมคิดว่าบุไตเรื่องนี้เนี่ยมีวิธีการสร้างที่เป็นลักษณะเฉพาะตัวอย่างมากเลยครับ ปกติแล้วนักแสดงจะเล่นหรือเคลื่อนไหวไปตามบทของผู้กำกับ แต่ใน 演劇「ハイキュー!!」นั้น วอรี่ซัง(ผู้กำกับ)จะรับเอาความคิดเห็นของนักแสดงเข้ามาปรับใช้อย่างกระตือรือร้น และนักแสดงและผู้กำกับจะมีการพูดคุยปรึกษาอย่างเท่าเทียมกัน  ออกความคิดเห็นกันโดยที่ไม่จำเป็นต้องเกรงใจกันเลย แล้วก็ร่วมกันสร้างผลงานนี้ขึ้นมาครับ
———-ฟูจิโนะซังก็ได้ออกไอเดียด้วยใช่ไหมครับ?
ถ้าตัวผมไม่ทำอะไรเลย ตัวผมก็อาจจะถูกกลบหายไปเลยน่ะครับ ก็เลยต้องออกความคิดเห็นไปด้วย อย่างเช่น ถ้าในซีนนี้ทุกคนทำแบบนี้ ผมจะทำแบบนี้นะ เป็นต้นครับ ผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับทักษะการกล้าแสดงความคิดเห็นอย่างยืดหยุ่นจากคัมปานี้เหมือนกัน
———-มีเรื่องอะไรที่ได้ทำมาต่อเนื่องเป็นพิเศษใน 演劇「ハイキュー!!」ไหมครับ?
การเคลื่อนไหวร่างกายในการแสดงเรื่องนี้มันไม่ธรรมดาเลยใช่มั้ยล่ะครับ เพราะงั้นผมก็เลยเริ่มดื่มโปรตีนมาตลอด ส่วนผลลัพธ์ของมันนั้น……ผมคิดว่าก็มีนะครับ ฮ่าๆๆๆ แต่ขอเบี่ยงประเด็นหน่อยนะครับ จริงๆแล้วมีเรื่องที่ผมค้นพบจากการแสดง 演劇「ハイキュー!!」ด้วยล่ะ
———-ค้นพบ?
ผมน่ะ ถ้ากดดันมากๆก็จะอยากเข้าห้องน้ำล่ะ ถึงผมจะไปเข้าห้องน้ำก่อนเวลาแสดงจริงเริ่มประมาณ 10 นาทีแล้วก็ตาม แต่พอเหลือ 3 นาทีมันก็รู้สึกอยากจะไปอีกซะงั้นครับ แต่ถ้าไม่มีเวลาเหลือแล้ว ผมก็จะออกไปแสดงทั้งๆอย่างนั้นเลย แต่พอเวลาผ่านไปมันก็กลายเป็นว่าไม่เป็นอะไรเลยครับ พอคิดว่า มันเป็นเพราะอะไรกันนะ? ก็คิดว่าน่าจะเพราะมันขับออกมาเป็นเหงื่อหมดแล้วล่ะมั้ง (หัวเราะ)
———ในบรรดาสมาชิกคาราสึโนะ มีคนที่คิดว่าเปลี่ยนไปจากวันแรกที่ได้พบไหมครับ?
โคซากะ เรียวทาโร่ครับ ตอนแรกนั้นเขาดูเหมือนเป็นคนเงียบๆมากเลย แต่พอเรียวทาโร่เป็นฝ่ายเข้ามาคุยด้วย ก็คิดว่าเป็นคนเงียบจริงๆแหล่ะ แต่ก็เป็นคนที่มีความเเฟรนด์ลี่ด้วย เพียงแต่เป็นคนเฟรนด์ลี่ที่หนวกหูนะครับ (หัวเราะ)
———-เอาล่ะ คำถามสุดท้ายแล้วครับ สำหรับฟูจิโนะซังแล้ว 演劇「ハイキュー!!」คือ?
……「กิจกรรมชมรม」ล่ะมั้งครับ สำหรับ 演劇「ハイキュー!!」นั้น จะสามารถเรียกความประทับใจที่เหมือนกับการแข่งขันที่เกิดขึ้นจริง ดังนั้นผมจึงรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอยู่ในกิจกรรมชมรมจริงๆเลยล่ะครับ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าทีมเบสบอลของโรงเรียนตัวเองแพ้ก็จะรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก ผู้เล่นทุกคนก็ร้องไห้กัน พวกคนที่คอยให้การสนับสนุนก็จะหลั่งน้ำตาให้กับพวกเขาใช่มัั้ยล่ะครับ สำหรับ 演劇「ハイキュー!!」เองก็เหมือนกัน หากแพ้ในการแข่งขันก็จะรู้สึกเจ็บปวดจริงๆ แต่หากชนะก็จะรู้สึกดีใจมากจนจะขาดใจได้เลย
———-ถึงจะรู้ว่ามันเป็นการแสดงก็ตาม?
ใช่แล้วล่ะครับ มันกลายเป็นความรู้สึกราวกับว่าเรากำลังทำการแข่งขันอยู่จริงๆเลย และนั่นคือความหมายของ “กิจกรรมชมรม” ครับ

=====================================
คาวาฮาระ คาซึมะ รับบท เอนโนชิตะ จิการะ

=====================================

———คาวาฮาระ คาซึมะซังได้รับบทเป็นเอนโนชิตะ จิการะมาตั้งแต่เสตจแรกในปี 2015 เลยสินะครับ ตอนที่ประกาศจบการศึกษา รู้สึกอย่างไรบ้างครับ?
เพราะนี่เป็นผลงานที่ทุกคนได้ร่วมกันสร้างมาตลอดระยาเวลา 3 ปี ดังนั้นในตอนแรกก็จะมีความรู้สึกเศร้าถาโถมเข้ามา หลังจากนั้นก็จะมีความรู้สึกสารพัดสารเพ อย่างเช่นความรู้สึกขอบคุณ มันเข้ามาผสมปนเปกันไปหมดเลยครับ ถึงบุไตเรื่องนี้จะมีการใช้พลังกายเยอะ แต่มันก็ทำให้ผมได้ลิ้มรสของชีวิตวัยรุ่นอีกครั้งหนึ่งผ่านโลกของละครเวที ดังนั้นจึงเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณมากกว่าครับ
———-ไม่ทราบว่าทำการฝึกซ้อมด้วยความรู้สึกแบบไหนเหรอครับ?
ความเหงามันจะถาโถมเข้ามาในขณะที่ผมเผลอไปคิดถึงมันเสมอครับ แต่ความรู้สึกที่ว่า “ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาจะมาพูดเรื่องแบบนี้นี่นา! ” นั้นมันมีรุนแรงกว่าครับ
การสร้างผลงานหนึ่งๆออกมานั้นมีเรื่องที่ยากลำบากมาก โดยเฉพาะ 演劇「ハイキュー!!」นั้นไม่เหมือนกับการแสดงในบรรดา 2.5 ทั่วๆไป เนื่องจากเป้าหมายของเราคือการสร้างสิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมา ดังนั้นแทนที่จะจมอยู่กับเรื่องการสำเร็จการศึกษา “พวกเราจะคิดทุกวันๆว่าทำอย่างไรพวกเราถึงจะสร้างผลงานสุดท้ายนี้ให้ออกมาสนุกสนาน และถ่ายทอดมันไปให้กับผู้ชมได้นะ” มากกว่าครับ
———-อยากจะฝ่าฟันไปจนถึงท้ายที่สุดโดยไม่เสียใจภายหลังสินะครับ
เพราะนี่เป็นการแข่งขันครั้งสุดท้าย และเป็นบทสรุปที่ทีมของพวกเราจะสามารถทำได้ครับ ไม่จำกัดเพียงแค่บุไต 2.5 เท่านั้น แต่ผลงานที่เป็นซีรี่ส์เองก็เช่นเดียวกัน การที่จะสร้างรากฐานในตอนแรกเริ่มนั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างมากครับ งานที่สร้างจาก 0 ให้เป็น 1 นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย เพราะฉะนั้นผมจึงภูมิใจที่ใน 演劇「ハイキュー!!」นั้นมีนักแสดงมากมายที่รุ่นเดียวกัน และยังมีหัวในทางสร้างสรรค์ และคอยออกไอเดียอยู่เสมอๆ
———-ในการแสดงเป็นเอนโนชิตะ จิการะนั้น มีสิ่งที่ให้ความสำคัญมาตลอดไหมครับ?
ผมคิดว่า แฟนๆที่ชื่นชอบเอนโนชิตะ จิการะนั้นมีอยู่ไม่น้อยเลย ดังนั้นความรู้สึกอย่างแรกเลยก็คือ ผมไม่อยากหักหลังพวกเขาเหล่านั้นครับ แต่ก็มีหลายซีนที่เอนโนชิตะ จิการะไม่ได้มีบทมากมายสักเท่าไหร่  อย่างเช่นในมังงะจะออกมาแค่ 3 ช่องเพื่ออธิบายซีนนั้นๆหรือออกมาตบมุกเฉยๆก็มี  ถ้าเป็นภาพยนตร์หรือโฆษณาล่ะก็ หากตัดภาพพวกนั้นออกไป มันก็สามารถลบการมีตัวตนออกไปได้เลย แต่กรณีบุไตนั้นเป็นเรื่องยากมากในการแสดงออกถึงการไม่มีตัวตนอยู่จริงๆ เพราะไม่ว่ายังไงผมก็ยังยืนอยู่บนเวทีตลอด
———-ในบล๊อกของสึกะซัง เขียนเกี่ยวกับคาวาฮาระซังด้วยว่า เป็น “ผู้ปิดทองหลังพระ” ของ 演劇「ハイキュー!!」
เป็นเรื่องที่น่าดีใจนะครับ ผมเองก็คิดมาตลอดตั้งแต่เสตจแรกแล้วว่า แสดงเป็นแค่ “ผู้ปิดทองหลังพระ (縁の下の力持ち)”** ตามชื่อตัวเองก็พอแล้ว ผมคิดว่ามีแฟน ๆ ของมังงะที่อาจจะมีความคิดเห็นแตกต่างกันไปบ้าง แต่สำหรับตัวของผมนั้น ผมจะตั้งใจแสดง และทำทุกอย่างเพื่อที่จะมีตัวตนอยู่บนเวทีให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ
———-สำหรับคาวาฮาระซังแล้ว 演劇「ハイキュー!!」คือ?
ผมกับเอนโนชิตะมีหลายๆเรื่องที่คล้ายคลึงกัน แถมยังเกิดวันเดียวกันด้วย เลยรู้สึกว่าเหมือนกับเป็นโชคชะตาเลยครับ เพราะมีอยู่ช่วงเวลานึงที่ผมเจอกำแพงในการเป็นนักแสดง จึงคิดที่จะเดิมพันอาชีพการเป็นนักแสดงของผมในผลงานเรื่องนี้ นี่จึงเป็นผลงานที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับผมเลย
เพราะฉะนั้น มันจึงยากมากๆเลยครับที่จะให้สรุปออกมาเป็นคำๆเดียวเนี่ย สำหรับผมก็มีความรู้สึกว่าที่นี่เป็น「บ้าน」เหมือนกันนะครับ แต่เมื่อจบการแสดงรอบฤดูใบไม้ผลิแล้ว พวกเราทุกคนจะต้องกางปีก และโบยบินออกไปสู่สถานที่ใหม่ๆ หากทำแบบนั้นแล้วพวกเราอาจจะสูญเสีย「บ้าน」ไปก็ได้
———-จริงด้วยนะครับ……
นี่เป็นผลงานที่ทำให้ผมได้พบกับเพื่อนนักแสดงรุ่นเดียวกันที่แสนยอดเยี่ยมขนาดที่ผมสามารถเรียกว่าเป็นโซลเมทได้เลย ดังนั้นคงเป็นเรื่องที่ดีถ้ามันสามารถกลายเป็น「จุดเริ่มต้น」ครั้งใหม่ได้ ผมจะทำให้มันเป็นจุดเริ่มต้นครั้งใหม่ของตัวเอง และจะมุ่งไปสู่ก้าวต่อๆไปครับ

=====================================
ทานากะ เคย์ตะ รับบท ซาวามูระ ไดจิ
=====================================

———-ช่วยบอกความรู้สึกตอนที่ได้รู้ว่ากลับมาเล่นอีกครั้งหน่อยสิครับ
หลังจากที่ผมเล่นเสตจแรก บทของซาวามูระก็ได้เปลี่ยนเป็นอากิซาว่าคุงครับ แต่ถึงผมจะห่างจากไฮสุเตะไป ผมก็ยังสนิทสนมกับทุกคนมากๆอยู่ และยังไปดูบุไตของพวกเขาตลอดครับ
เพราะฉะนั้น ถึงแม้ตัวจะห่างจากคัมปานีไป ผมก็ยังรู้สึกว่าตัวเองก็ยังหนึ่งในสมาชิก และตัวผมก็ยังให้การสนับสนุนพวกเขาอยู่เสมอเช่นกัน และเพราะอากิซาว่าคุงได้สานต่อบทของซาวามูระ ไดจิได้เป็นอย่างดี ผมจึงสามารถแสดงบทซาวามูระต่อได้ด้วยการสานต่อสิ่งที่เขาได้สร้างมาครับ
———-ทานากะซังเป็นคนแรกที่กลับมาเล่น 演劇「ハイキュー!!」สินะครับ
ถึงจะมีการเปลี่ยนตัวนักแสดง แต่เรื่องที่มีการกลับมารับบทเดิมนั้นไม่ค่อยมีสินะครับ มันเป็นกรณีพิเศษน่ะครับ เพราะนี่เป็นซาวามูระ ไดจิที่อากิซาว่าคุงกับผมได้ร่วมกันสร้างขึ้นมา ดังนั้นผมจึงได้ทำการแสดงอย่างเต็มที่ และหากทุกคนที่มาดูพวกเราตั้งแต่เสตจ “はじまりの巨人” เป็นต้นไปสัมผัสได้ว่า “ความรู้สึกของอากิซาว่าคุงยังคงอยู่” ผมก็จะดีใจมากๆครับ
———-บทบาทที่ร่วมกันสร้างมากับอากิซาว่าซัง…สินะครับเนี่ย เป็นเรื่องที่ประทับใจจริงๆครับ
ความจริงแล้ว ก่อนการแสดงเสตจ”はじまりの巨人” นั้น ผมได้ติดต่อไปหาเขา แล้วได้พบกันตามลำพังด้วยล่ะครับ พวกเราได้พูดคุยกันหลายๆเรื่อง อย่างเช่นเรื่องความรู้สึกขณะเล่นเป็นซาวามูระ ไดจิ เป็นต้น และต้องขอบคุณบทสนทนาเหล่านั้นด้วยครับ ที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนว่าตัวเองจะสามารถท้าทายกับการแสดงในครั้งนี้ได้ นั่นเป็นเหตุผลที่ผมรู้สึกว่าพวกเราสองคนได้ยืนอยู่บนเวทีด้วยกัน
———-ตอนที่ทุกคนพูดว่า “ยินดีต้อนรับกลับมา” นั้น รู้สึกอย่างไรครับ?
ตอนที่เริ่มซ้อมครั้งแรกนั้น ทั้งวอรี่ซัง และนักแสดงทุกคนได้พูดว่า “ยินดีต้อนรับกลับมานะ” ให้กับผม ในตอนนั้นความรู้สึกที่ว่า “ฉันกลับมาแล้วจริงๆสินะ” มันเอ่อล้นออกมาไม่หยุดเลยครับ และตอนคาร์เทนคอลที่ต้องออกมาทักทายผู้ชมนั้น ผมก็ยังสัมผัสได้ถึงความรักมากมายจากผู้ชมด้วย รู้สึกดีใจจริงๆครับ
———-การกลับมานี่ มีเรื่องที่กังวลไหมครับ?
เรื่องที่กังวล……บอกตามตรงเลยว่ามีเยอะเลยครับ เพราะว่าทุกคนต่างเลเวลอัพกันแล้ว ผมเลยกังวลว่าผมจะสามารถตามทันไหม แล้วก็กังวลว่าถ้าผมรับช่วงต่อไม่ได้จะทำยังไงดี เพราะอาจจะมีผู้ชมที่รู้จักแต่ซาวามูระ ไดจิที่อากิซาว่าคุงแสดงอยู่ก็ได้  แต่พอการแสดงเริ่มขึ้น ผมได้รับทั้งเสียงปรบมือ และเสียงเชียร์ มันทำให้ความกังวลเหล่านั้นปลิวหายไปหมดเลยล่ะครับ
———-รู้สึกอย่างไรบ้างครับที่ได้ชม 演劇「ハイキュー!!」จากที่นั่งผู้ชม?
คิดว่า “นี่มันสนุกจังเลยแฮะ” ครับ (หัวเราะ)  ผมได้ปรบมือและให้กำลังใจพวกเขาในฐานะผู้ชมคนหนึ่ง แต่ถ้ามองในมุมมองของนักแสดง ก็จะมีบางครั้งที่ผมคิดว่า “ซีนนี้มันลำบากจังแฮะ” แล้วก็ไม่สามารถสนุกไปกับมันได้  แต่พอเป็นผู้ชม มันทำให้ผมสามารถจมดิ่งสู่เรื่องราวนั้นๆ และสามารถสนุกสนานกับทุกอย่างได้ เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่จริงๆครับ
———-ในเดือนมกราปีนี้ สมาชิกทุกคนของคาราสึโนะได้มีการประกาศจบการศึกษาแล้ว
เรื่องจบการศึกษานั้น ผมว่าทุกคนต่างๆก็มีความคิดที่แตกต่างกันออกไปครับ แต่สำหรับผมนั้น ก็คิดมาตั้งแต่เสตจแรกแล้วล่ะครับว่า สักวันหนึ่งมันก็ต้องมาถึง ตอนนี้จึงรู้สึกว่าอยากจะทำให้เสตจนี้ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่เวลาที่จะมัวจมอยู่กับความรู้สึกน่ะครับ
———-เอาล่ะ คำถามสุดท้ายแล้วครับ สำหรับทานากะซังแล้ว 演劇「ハイキュー!!」คือ?
「ชีวิตวัยรุ่น」ครับ นี่เป็นคำถามเดียวกับตอนถ่ายทำ DVD เบื้องหลังตอนเสตจแรกเลย และในตอนนั้นผมก็ตอบว่า「ชีวิตวัยรุ่น」เหมือนกัน เพราะผมคิดว่ามันเป็น「ชีวิตวัยรุ่น」จริงๆครับ พวกเราได้พูดคุยกันเรื่องชมรมวอลเล่ย์บ้าง ตอนซ้อมก็จะมารวมตัวกันกล่าวทักทายกันบ้าง ระหว่างทางกลับบ้านก็ชวนกันไปกินข้าวบ้าง  ความเร่าร้อนที่มีท่วมท้นของ 演劇「ハイキュー!!」นั้นกล่าวได้ว่าเป็น “ชีวิตวัยรุ่น” เลยล่ะครับ
———-สมัยเป็นนักเรียน ทานากะซังก็เล่นกีฬาด้วยเหรอครับ?
ผมล่นวอลเล่ย์สมัยอยู่ม.ต้น-ม.ปลาย แล้วก็เป็นกัปตันเหมือนซาวามูระด้วยครับ ก็เลยเข้าใจความรู้สึกนั้นดี เหมือนเราสามารถกลับไปมีความรู้สึกในช่วงสมัยนั้นได้เลย 演劇「ハイキュー!!」ถือเป็นช่วงวัยรุ่นครั้งที่2สำหรับผมครับ

=====================================
ทานากะ นาโอกิ รับบท สึกาวาระ โคชิ
=====================================

———-ตอนที่รู้เรื่องการจบการศึกษาของสมาชิกคาราสึโนะในเดือนมกราคมนั้น รู้สึกอย่างไรครับ?
ถ้าจะให้พูดความรู้สึกตรงๆล่ะก็……ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2017 ผมเพิ่งจะถูกประกาศว่าจะได้ร่วมแสดงในฐานะสึกาวาระ โคชิ ตั้งแต่เสตจ “はじまりの巨人” เป็นต้นไป และเพิ่งจะได้เริ่มซ้อมจริงๆก็ประมาณเดือนมีนาคม ปี 2018 เองครับ ผมเลยรู้สึกว่า「ผมยังไม่ทันได้เจอใครเลย!?」ถ้าให้ยกตัวอย่างก็คงประมาณว่า ทั้งๆที่ยังไม่ทันได้เข้าเรียน แต่ก็ประกาศจบการศึกษาซะแล้วน่ะครับ (หัวเราะ) ดังนั้น ผมจึงอยากจะเริ่มฝึกซ้อม และอยากจะเข้าไปสู่โลกของ 演劇「ハイキュー!!」เร็วๆ มากกว่าจะรู้สึกเหงาครับ
———-จนถึงตอนนี้เคยชม 演劇「ハイキュー!!」มาก่อนไหมครับ?
เคยครับ เพราะผมชอบผลงานต้นฉบับอยู่แล้ว และเคยมาดูบุไตด้วย ตอนที่ตัวเองจะถูกประกาศชื่ออกมาในฐานะนักแสดงนั้น ผมรู้สึกตื่นเต้นมากเลยล่ะครับ และในตอนนี้เองผมก็ไม่ได้มีความรู้สึกเศร้าเรื่องการจบการศึกษาหรอกนะครับ
———-ไม่มีเลยเหรอครับ?
ตอนนี้ผมได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในทีมคาราสึโนะแล้ว ดังนั้นสิ่งเดียวที่ผมรู้สึกในตอนนี้ก็คือ ผมอยากที่จะสร้างการแสดงนี้ให้ออกมาดีที่สุด และทิ้งชื่อของตัวเองไว้ในประวัติศาสตร์ของ 演劇「ハイキュー!!」ครับ
———-เป็น 1 ปีที่ทุ่มเทให้กับ 演劇「ハイキュー!!」สินะครับ
เวลา1ปีอาจจะเป็นช่วงเวลาที่สั้นก็จริง แต่ผมก็สามารถสร้างสายสัมพันธ์ และสนิทสนมกับนักแสดงทุกคนเป็นอย่างมาก สำหรับผมถือว่าเป็น1ปีที่สุดยอดมากๆเลยครับ ดังนั้นผมจึงตั้งใจจะทำทุกๆวันให้ดีที่สุดเพื่อจะได้ไม่เสียใจในวันแต่ละวันที่ได้ใช้ชีวิตกับทุกคน
———-บทสึกาวาระที่ทานากะซังแสดงนั้น เป็นรองกัปตันที่คอยสนับสนุนกัปตัน และยังเปรียบเสมือนคุณแม่ที่คอยเฝ้ามองทีมด้วย ในการนี้ได้ให้ความสำคัญในจุดไหน อย่างไรเป็นพิเศษบ้างครับ?
เพราะนี่เป็นผลงานที่ค่อนข้างใช้กำลังกายอย่างมากเหมือนกับทำกิจกรรมชมรมจริงๆ ผมก็เลยจะคอยเฝ้ามองสภาพร่างกายของทุกคน แล้วก็คอยถามออกไปว่า “ไหวมั้ย? ยังไหวสินะ นายทำได้!”  หรือแม้แต่นอกเหนือจากการแสดงผมก็จะคอยสังเกตสีหน้าและสภาพของสมาชิกทุกคน แล้วก็ส่งเสียงให้กำลังใจออกไปด้วยครับ
———-ในซีนเต้นหรือซีนกายกรรมนั้น การจัดการร่างกายของทานากะซังดึงดูดสายตามากๆเลยล่ะครับ เห็นว่ามีความสามารถพิเศษอย่างเช่น HIPHOP แจ๊สแดนซ์ แอคชั่น แล้วก็การใช้ดาบต่อสู้ด้วย ปกติแล้วก็ฝึกเป็นประจำเลยเหรอครับ?

ครั้งแรกที่ผมได้ยืนบนเวทีนั้นคือตอนสมัยเป็นนักเรียนม.ต้นครับ ในตอนนั้นผมคิดว่า คงจะดีถ้าสามารถแสดงออกทางกายภาพได้ ผมก็เลยเริ่มเรียนทั้งเรื่องการเต้น กายกรรม คิวบู๊ รวมถึงการฟันดาบครับ เพราะว่าผมเองก็ได้เล่นบุไตที่มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นอยู่เยอะ ก็เลยได้ฝึกการใช้ดาบญี่ปุ่น ดาบสั้น แล้วก็เทคนิคการต่อสู้ด้วยหอกด้วยครับ
———-ความสามารถรอบด้านจริงๆนะครับเนี่ย!!
เพราะผมอยากทำให้มันออกมาดูดีที่สุด นี่จึงเป็นผลลัพธ์ของการลงมือทำอะไรหลายๆอย่างน่ะครับ (หัวเราะ) แต่ก็ต้องขอบคุณสิ่งเหล่านั้นที่ทำให้ผมสามารถทำอะไรๆได้หลายอย่างด้วยล่ะครับ อย่างในตอนที่ผมได้รับคัดเลือกให้แสดงใน 演劇「ハイキュー!!」ก็มีไปฝึกซ้อมอะโครแบทกับคาเกยาม่า ทัตสึยะ แล้วก็ได้ตีลังกาในเสตจ “はじまりの巨人” ด้วย
———-ในตอนกล่าวคำทักทายของนักแสดงแต่ละคนหลังจบการแสดงรอบไดเซนชูราคุนั้น มี “คำขอตลกๆถึงสึกาวาระ” จากจัสตินซัง ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้รับถ่ายทอดมาจากอิโนะ ฮิโรกิซังที่รับบทสึกาวาระก่อนหน้านี้ด้วย และทานากะซังเองก็ตอบรับคำขอด้วยสินะครับ (หัวเราะ)
รับช่วงต่อกันมาอย่างจริงจังมากเลยเนอะ  (หัวเราะ)  ที่นี่น่ะพลังในการแอดลิปแข็งแกร่งมากเลย ขนาดที่ตอนระหว่างซ้อม มันจะมีซีนที่ผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเลยแท้ๆ  แต่พวกเขาก็จะพูดขึ้นว่า “อยากเห็นสึกาวาระทำบ้างจังน้าー” แล้วก็โยนมาให้ผมทำบ้างก็มี โดยเฉพาะเวลามีเรื่องสนุกๆเนี่ยพวกเขาก็จะแบบ “มาทำกันเถอะ” เป็นคัมปานีแบบนี้แหล่ะครับ เพราะว่าทุกคนจะรับฟังไอเดียของกันและกัน มันจึงทำให้พวกเรามีขวัญกำลังใจเพิ่มขึ้นน่ะครับ
———-เอาล่ะ คำถามสุดท้ายแล้วครับ สำหรับทานากะซังแล้ว 演劇「ハイキュー!!」คือ?

เล่นมุกปริศนาคำสินะครับ? จริงๆแล้วผมคิดเอาไว้แล้วล่ะครับ
———-จัดมาครับ!
สิ่งใดหนอที่ 演劇「ハイキュー!!」และ “พวกเราที่เหน็ดเหนื่อยหลังจากการซ้อม” มีเหมือนกัน?**
———-คำตอบนั้นก็คือ?
「スパ行く (สุปะอิคุ)」(หมายเหตุ:แปลได้ 2 อย่างคือ การตบ(สไปร์ค) กับ ไปร้านขายของ)
———-เก่งอ่ะ!!
ขอบคุณครับ ฮ่าๆๆๆ 「スパに行く(สุปะอิคุ)」นั้น สามารถเขียนเป็น「スパイク(สุปะอิคุ)」ในภาษาของวอลเล่ย์บอลได้ด้วย ตอนรอบต่างจังหวัดของเสตจ “はじまりの巨人” นั้น ผมไปบ่อน้ำร้อนรวมของโรงแรมที่เราได้ไปพัก แล้วโคเฮซังก็เข้ามา พวกเราสองคนแช่บ่อน้ำร้อนรวมของโรงแรมด้วยกัน เพราะงั้นหลังจากเสตจใบไม้ร่วงก็จะไปกันอีกแน่นอนครับ (หัวเราะ)

=================================
ทามิโมริ จัสติน รับบท อาสึมาเนะ อาซาฮี
=================================

———-ทามิโมริซังที่ได้รับบทอาสึมาเนะ อาซาฮีมาตั้งแต่เสตจแรกนั้น ตอนที่ประกาศจบการศึกษาของสมาชิกทุกคนในคาราสึโนะ รู้สึกอย่างไรครับ?
แน่นอนครับว่ามันก็มีความรู้สึกเหงาๆอยู่ แต่เพราะผมรู้อยู่แล้วว่าสักวันหนึ่งจุดสิ้นสุดก็ต้องมาถึง ดังนั้นผมก็เลยคิดว่าถึงเวลาแล้วล่ะที่จะจบการศึกษาลง และสถานที่แห่งนี้เองก็ให้อารมณ์เหมือนเป็นโรงเรียนมัธยมจริงๆ ก็เลยเหมือนได้ย้อนกลับไปมีประสบการณ์ของการใช้ชีวิตมัธยมปลายอีกครั้งเลยล่ะครับ
———-รู้สึกเหมือนจบการศึกษาจากโรงเรียนม.ปลายเหรอครับ?
พอคิดแบบนั้นมันจะกลายเป็นการจบการศึกษาครั้งที่ 2 เลยนะครับเนี่ย ฮ่าๆๆ จริงๆผมก็มีความรู้สึกอยากจะอยู่ที่นี่ให้มากกว่านี้เหมือนกันครับ แต่ผมก็ตั้งตารอดูเหมือนกันว่าถ้าเวลาผ่านไปหลายปี แล้วทุกคนได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ทุกคนจะเติบโตกันไปมากมายขนาดไหนนะ
———-ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ มีเสตจ”はじまりの巨人” และในตอนนี้ก็กำลังเตรียมพร้อมกับเสตจ “最強の場所(チーム)”อยู่ ไม่ทราบว่ามีความรู้สึกอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปไหมครับ?
ตอนนี้ผมกำลังจดจ่อกับการสร้างผลงานชิ้นนี้ และอยากที่จะทำมันให้สำเร็จด้วยพลังทั้งหมดที่มีครับ บางทีคงไม่ใช่ผมคนเดียวที่รู้สึกแบบนี้ ผมรู้สึกว่าทุกคนมีแรงขับเคลื่อนที่เยอะมากๆ และมีความคิดเดียวกันที่ว่าอยากจะสร้างการแสดงครั้งนี้ให้ออกมาดีที่สุด
———-ระะเวลา3ปีที่รับบทเป็นอาสึมาเนะ อาซาฮีนั้น มีเรื่องไหนที่คิดว่าติดนิสัยจากบทของอาซาฮีไหมครับ?
ในระยะเวลา 1 ปี ผมใช้เวลาเป็นอาซาฮีมากกว่าครึ่ง แล้วก็ใช้เวลาไปกับการฝึกซ้อมนานเลย จริงๆแล้วตัวผมเองก็ไม่ทันได้สังเกตหรอกครับ แต่เพื่อนที่สนิทๆก็มีบอกกับผมมาบ้างเหมือนกันครับ อย่างเช่นว่า “ท่าทางเมื่อกี๊น่ะ เหมือนอาซาฮีมากๆเลยอ่ะ” หรือไม่ก็ “น้ำเสียงตะกี๊เป็นอาซาฮีสินะ” เป็นต้น ในตอนแรกผมคิดว่าตัวเองไม่เหมือนหรอก แต่พอถูกพูดแบบนี้ใส่บ่อยๆเข้าก็เริ่มคิดแล้วว่ามันน่าจะเหมือนจริงๆ
———-มีสิ่งที่ให้ความสำคัญในการแสดงเป็นอาซึมาเนะ อาซาฮีไหมครับ?
ตอนแรกๆที่ผมได้เข้ามาแสดงบุไต 2.5 นั้น ผมจะคำนึงถึงตำแหน่งหน้าที่ของบทบาทนั้นๆ แต่ไม่ได้คำนึงเกี่ยวกับตัวของคาแรคเตอร์เองมากเท่าไหร่ครับ คือแทนที่จะแสดงให้เข้าใกล้คาแรคเตอร์ของตัวเอง แต่ผมจะคำนึงถึงจุดยืนในคาราสึโนะมากกว่า ว่าทำอย่างไรถึงจะทำให้ทีมโดดเด่นได้  และถ้าผลลัพธ์นั้นทำให้ผมเชื่อมต่อกับความเป็นอาซาฮีที่มีความเชื่อถือได้ก็คงจะดีไม่น้อยเลยครับ
———-ระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมานี้ ในบรรดาสมาชิกคาราสึโนะมีคนที่คิดว่าเปลี่ยนไปจากตอนที่ได้พบกันครั้งแรกไหมครับ?
พวกเรามีการเปลี่ยนตัวนักแสดงกันด้วยเหมือนกันนะครับ แต่……คนแรกที่คิดถึงเลยก็คือสึกะ เคนตะครับ เพราะเขาอายุน้อย และได้รับหน้าที่เป็นหัวหน้าด้วย ดังนั้นในตอนแรกผมรู้สึกว่าเขามีออร่าบางอย่างที่ทำให้รู้สึกเหมือนว่าเขาเป็นศูนย์รวมของทุกคน แต่พอเราได้ทำการแสดงร่วมกันไปเรื่อยๆ ผมว่าเขาเองก็เริ่มเข้าใจวิธีการผ่อนคลายตัวเอง แล้วก็เริ่มทำตัวเป็นธรรมชาติขึ้นเรื่อยๆเลยล่ะครับ
เดิมที่แล้วเขาเป็นคนที่มีประสาทสัมผัมด้านการแสดงดีเยี่ยมมากๆครับ ยิ่งทำการแสดงไปเรื่อยๆ การมีตัวตนของเขาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สมแล้วที่เป็นเขาครับ โดยเฉพาะช่วงนี้นะผมคิดว่าเขาสุดยอดมากจริงๆเลยล่ะ
———- มี「คำขอตลกๆถึงสึกาวาระ (菅原への無茶振り)」ของอาสึมาเนะที่กลายเป็นเรื่องที่ทำติดต่อกันมาประจำจนเป็นธรรมเนียมด้วยนี่นา
ทำเป็นธรรมเนียมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ครับ (หัวเราะ)
———-คลิปวิดิโอ無茶振りนั้นได้ถูกสืบทอดจากอิโนะ ฮิโรกิซังไปสู่ทานากะนาโอกิซังแล้ว (หัวเราะ)
ใช่ครับ ใช่ ฮ่าๆๆๆ แต่นาโอกิสุดยอดจริงๆครับ ไม่คิดเลยว่าเขาจะทำได้ถึงขนาดนั้น (หัวเราะ) ผมเองก็ยังตั้งหน้าตั้งตารอทุกครั้งเลย และอยากจะทำต่อไปเรื่อยๆจนถึงท้ายที่สุดด้วย
———-สำหรับทามิโมริซังแล้ว 演劇「ハイキュー!!」คือ?
「วัยรุ่น」ครับ  อย่างที่ผมได้พูดไปแล้วว่าเหมือนกับตัวเองกำลังทำกิจกรรมชมรมของนักเรียนม.ปลายครั้งที่ 2 อยู่เลย ดังนั้นจึงมีความรู้สึกราวกับว่าได้กลับไปในช่วงมัธยมปลายครับ
———-รู้สึกว่าได้กำลังขับขานชีวิตวัยรุ่นอีกครั้งสินะครับ?
นั่นสินะ ฮ่าๆๆๆ ทุกคนสนิทกันจริงๆครับ แน่นอนว่าไม่ได้สนิทกันอย่างเดียว ในระหว่างการซ้อมก็อาจจะมีทะเลาะกันเรื่องความคิดเห็นบ้าง แต่การขัดแย้งกันนั้นมันทำให้สายสัมพันธ์ของพวกเราแน่นแฟ้นขึ้น และมีความเป็นทีมเวิร์คที่ดีมากขึ้นด้วยครับ ในฐานะที่นี่จะเป็นบทสรุปของนักแสดงคาราสึโนะ ถ้าพวกเราสามารถแสดงให้เห็นถึงจุดนั้นด้วยก็คงจะดีนะครับ


==================================
TRANSLATED BY YUKINO_YUKITTY
====ผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยจ้า====
source [X]

เกี่ยวกับ yukino_yukitty

✿ติ่ง2.5 บล๊อกเวิ่น บล๊อกแปล (แปลบ้างไม่แปลบ้างแล้วแต่อารมณ์)
เรื่องนี้ถูกเขียนใน Uncategorized และติดป้ายกำกับ , คั่นหน้า ลิงก์ถาวร

ใส่ความเห็น