บทสัมภาษณ์ ซูซูกิ ฮิโรกิ&อารามากิ โยชิฮิโกะ อะไรคือเสน่ห์ของ 『TOUKEN RANBU THE MOVIE -REIMEI-』ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ออกทัพสู่ ​​”ยุคปัจจุบัน” ?

“TOUKEN RANUBU -ONLINE-” เกมจำลองการบ่มเพาะเลี้ยงดูเหล่าศาตราที่ต่อสู้เพื่อปกป้องประวัติศาตร์ โดย “โทวเคนดันชิ” ผู้ซึ่งเปลี่ยนรูปร่างจากดาบเลื่องชื่อเป็นนักรบ หลังจากที่เกมเปิดตัวขึ้นในปีพ.ศ. 2558 ก็ได้มีการนำเสนอเรื่องราวออกมาในหลากหลายรูปแบบอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น ละครเพลง (มิวสิคัล) ละครเวที(บุไต) และอนิเมชั่น

“Touken Ranbu The Movie – Reimei -” ภาพยนตร์ไลฟ์แอคชั่นภาคที่สองต่อจาก “Touken Ranbu The Movie – Keishou -” ที่สร้างขึ้นจากเกม “TOUKEN RANUBU -ONLINE-” ดังกล่าว กำลังจะเข้าฉายในวันศุกร์ที่ 31 มีนาคมนี้ ก่อนที่ภาพยนตร์จะเข้าฉาย เราได้สัมภาษณ์คุณซูซูกิ ฮิโรกิ ผู้รับบท มิคาสึกิ มุเนะจิกะ และคุณอารามากิ โยชิฮิโกะ ผู้รับบท ยามัมบะกิริ คุนิฮิโระ โดยเราได้สอบถามถึงจุดเด่นของ “Touken Ranbu The Movie – Reimei -” จากเสน่ห์ของ “TOUKEN RANUBU” ที่ทั้งสองคนมีความผูกพันมายาวนานหลายปี

เสน่ห์ของ “TOUKEN RANBU” คืออะไร?
——————————————————————————————————————

ทั้งสองคนมีส่วนร่วมกับ “TOUKEN RANBU” มาเป็นระยะเวลาหลายปีแล้ว โดยนับตั้งแต่เกมเปิดตัวในปีพ.ศ. 2558 เกม “TOUKEN RANBU” ได้มีการนำเสนอเรื่องราวออกมาในหลากหลายรูปแบบ และมีฐานแฟน ๆ เป็นจำนวนมาก คุณคิดว่าอะไรคือเสน่ห์ที่ทำให้ดึงดูดผู้คนมากมายมาอย่างต่อเนื่องจนถึงขนาดนี้? 

อารามากิ:ผมคิดว่าเพราะมันมีความสนุกตรงที่เหมือนกับเราได้สร้างโลกจำลองเล็กๆขึ้นมาครับ แม้ตัวละครแต่ละตัวจะมีเบสพื้นฐานเหมือนกัน แต่ก็ยังมีพื้นที่มากมายให้เราสามารถจินตนาการไปได้ต่างๆ นานา อย่างเช่นว่า ยามัมบะกิริ คุนิฮิโระของผมเป็นคนที่มีทั้งความซุ่มซ่ามนิดๆ มีทั้งความตลก มีทั้งความขยันขันแข็ง เป็นต้น นั่นน่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ใครหลายๆคนชื่นชอบครับ 

ซูซูกิ:ผมเองก็คิดแบบเดียวกันครับ แน่นอนว่ารูปลักษณ์ที่ดูเท่เองก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผลงานชิ้นนี้เป็นที่นิยม แต่ผลงานแบบนั้นก็มีจำนวนมากมาย นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผลงานเรื่องนี้ถึงไม่มีเรื่องราวที่กำหนดไว้ตายตัว เราจะได้รับเพียงข้อมูลผิวเผินเกี่ยวกับดาบเล่มนี้ที่มีประวัติแบบนี้ และมีลักษณะนิสัยแบบนี้โดยใช้พื้นฐานที่มาจากข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์นั้นเท่านั้น

ผมคิดว่า “TOUKEN RANBU” ที่มี “ความเป็นอิสระ” ที่ผู้เล่นทุกคนสามารถจินตนาการได้ด้วยวิธีการที่ว่าไปนั้น ได้รับความรักในรูปแบบต่างๆ มากมายนอกเหนือจากกรอบของเกม ขนาดที่ว่าสามารถสร้างเป็นคลิปวิดีโอ “ลองให้หนุ่มดาบเต้นรำดู” ขึ้นมาได้ก่อนที่จะมีคอนเทนต์ต่างๆออกมาเสียอีกครับ 

อารามากิ:จริงด้วยนะ อีกทั้งการที่ตัวเกมมีส่วนเชื่อมโยงกับความเป็นจริงทางประวัติศาสตร์นั้นก็ยังทำให้น่าสนใจมากๆอีกด้วย เพราะเราสามารถไปดูดาบจริงๆที่ยังหลงเหลืออยู่มาถึงปัจจุบันได้ครับ

“TOUKEN RANBU” ออกทัพสู่ “ยุคปัจจุบัน” เป็นครั้งแรก
——————————————————————————————————————

“Touken Ranbu The Movie – Reimei -” เข้าฉายหลังจากผลงานเรื่องก่อนหน้าอย่าง “Touken Ranbu the Movie – Keishou -” ประมาณ 4 ปีเลยทีเดียว ช่วยบอกความรู้สึกตอนนี้หน่อยได้ไหมครับ?

อารามากิ:จริงๆแล้วผมก็เคยคิดภาพ และตั้งหน้าตั้งตารอว่าน่าจะมีภาคสองมาตลอดนะครับ แต่ก็ไม่มีข่าวอะไรออกมาสักที ผมก็เลยตัดใจไปกลางทางแล้ว ในตอนนั้นเองก็มีข่าวการตัดสินใจสร้างภาคต่อออกมาแบบไม่คาดคิด แต่ก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ดีจริงๆครับ 

ซูซูกิ:นั่นสินะ ในระหว่างการถ่ายทำภาค “Touken Ranbu the Movie – Keishou -” พวกผู้กำกับเองก็เคยคุยกันว่า “ถ้าสร้างภาคสองได้ด้วยก็คงจะดีเนอะ” ดังนั้น พอรู้ว่าตัวเองจะได้มีส่วนร่วมในภาคต่อนี้ ผมเองก็รู้สึกดีใจมากครับ

ใน “Touken Ranbu The Movie – Reimei -” มีฉาก “ยุคปัจจุบัน” ที่ไม่เคยมีมาก่อนใน “Touken Ranbu” 
——————————————————————————————————————

อารามากิ:รู้สึกประหลาดใจมากเลยล่ะครับ เพราะตัวผมเคยคิดเอาเองว่าน่าจะไม่มีการออกทัพไปยุคปัจจุบันหรอก ผมนึกภาพเหล่าโทวเคนดันชิกวัดแกว่งดาบในยุคปัจจุบันไม่ออก แล้วก็คิดว่าสนามรบหลักๆน่าจะเป็นยุคเซนโกคุหรือไม่ก็ปลายยุคเอโดะ ดังนั้นมันจึงทำให้ผมตกใจมากเลยล่ะ

ซูซูกิ:ส่วนผมรู้สึกภูมิใจที่ได้ออกต่อสู้ในสภานที่ที่ยังไม่เคยไปครับ และพอคิดว่าโลกของ “Touken Ranbu” จะค่อยๆแผ่ขยายออกไปในหมู่คนมากขึ้นโดยเริ่มจาก “Touken Ranbu the Movie – Reimei -” แล้ว ผมคิดว่ามันเป็นความท้าทายที่ดีมากทีเดียว

มีจุดที่ใส่ใจเป็นพิเศษกับโครงเรื่องที่มิคาสึกิ มุเนะจิกะจะไปยุคปัจจุบัน…ไหมครับ?

ซูซูกิ:ผมต้องแสดงความไวในการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบันอย่างสมจริงในขณะที่ยังคงรักษาความเป็นมิคาสึกิ มุเนะจิกะเอาไว้ครับ

ผมคิดว่าสิ่งที่น่าสนใจอย่างหนึ่งในเรื่องราวของการเดินทางข้ามเวลา คือช่องว่างที่เราไม่อาจตามทันยุคสมัยได้ แต่ในทางกลับกัน ผมก็มีความคิดว่า ถ้าเกิดเราเดินทางข้ามเวลาจริงๆ แล้วไม่ได้รู้สึกถึงช่องว่างนานขนาดนั้นล่ะ?

อย่างเช่นว่า ตอนสมาร์ทโฟนเปิดตัวครั้งแรก ทุกคนต่างก็รู้สึกประหลาดใจกันมาก แต่ก่อนที่เราจะรู้ตัว มันก็ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายไปอย่างรวดเร็วแล้วใช่ไหมล่ะครับ ดังนั้น มันก็คล้ายๆกัน คือถ้าสมมติว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นจนทำให้เราไปโลกอนาคตจริง เราก็จะรู้สึกคุ้นชินกับมันอย่างรวดเร็วโดยคิดว่า “ที่นี่คืออนาคต” และผมคิดว่าสิ่งนั้นแสดงออกมาได้อย่างสมจริงใน “Touken Ranbu the Movie – Reimei -” ครับ

อีกด้านหนึ่ง ยามัมบะกิริ คุนิฮิโระเป็นตัวละครที่ไม่ค่อยแสดงอารมณ์มากนักสินะครับ

อารามากิ:ในภาคนี้ ผมรู้สึกว่าการแสดงมีความยากขึ้นไปอีกครับ ในระหว่างการถ่ายทำ ผมได้ปรึกษากับผู้กำกับหลายครั้ง ระหว่างที่หาจุดบกพร่องในแบบตัวเอง ผมก็พัฒนาไปเรื่อยๆเพื่อที่จะสามารถแสดงจิตวิญญาณในฐานะดาบที่ชื่อว่ายามัมบะกิริ คุนิฮิโระออกมาให้ได้

เซตติ้งใหม่ “นายท่านชั่วคราว”
——————————————————————————————————————

ใน “Touken Ranbu the Movie – Reimei -” มีการปรากฎตัวของตัวละครใหม่อย่าง “นายท่านชั่วคราว (仮の主)” ด้วย ไม่ทราบว่าเป็นตัวละครแบบไหนครับ?

ซูซูกิ:ในซีรี่ส์ “Touken Ranbu” ที่มีมาจนถึงตอนนี้นั้น “ซานิวะ=นายท่าน” ถูกเซ็ตติ้งขึ้นมาในฐานะผู้มีพลังพิเศษที่มีความสามารถในการเปลี่ยนดาบให้เป็นนักรบที่มีรูปร่างมนุษย์ได้ครับ แต่ใน “Touken Ranbu the Movie  Reimei -” นั้น เนื่องจากสถานการณ์พิเศษ ทำให้พลังของ “ซานิวะ(นายท่าน)” ส่งผลได้ไม่เต็มประสิทธิภาพมากนัก “นายท่านชั่วคราว” จึงปรากฎตัวขึ้นในฐานะผู้ที่ช่วยพวกเราเหล่าโทวเคนดันชิที่ไม่สามารถแสดงพลังออกมาได้ และจับคู่กับโทวเคนดันชิเพื่อทำงานไปด้วยกันครับ

ทั้งตัวละคร “นายท่านชั่วคราว” ทั้งเรื่องการจับคู่ เรียกเสียงฮือฮาได้อย่างมากเลยนะครับ

อารามากิ:
คู่เฮชิคิริ ฮาเซเบะกับสาวแกลมหา’ลัยที่ได้รับเสียงตอบรับเป็นพิเศษนั้น ผมว่าเป็นคู่ “นายท่านชั่วคราว” กับโทวเคนดันชิที่น่าสนใจมากเลยนะ เฮชิคิริ ฮาเซเบะที่โดนสาวแกลปั่นหัวไปมาเนี่ยตลกมากทีเดียว แค่พวกคำศัพท์ก็ทำให้นึกภาพต่างๆขึ้นมามากมายแล้วใช่ไหมละครับ แล้วก็คู่ของมิคาสึกิ มุเนะจิกะกับเด็กสาวม.ปลายก็น่าสนใจเหมือนกัน 

ซูซูกิ:นั่นสินะ พอได้ร่วมงานกับคนที่ไม่เคยร่วมงานด้วยมาก่อน ทำให้ผมรู้สึกแปลกใหม่และสนุกมากครับ  เพียงแต่ มิคาสึกิ มุเนะจิกะจะเป็นฝ่ายปั่นหัวไม่เหมือนกับเฮชิคิริ ฮาเซเบะ เขาอาจจะพูดคำพวกนั้นได้แบบไม่ตะขิดตะขวงใจเลยก็ได้ (หัวเราะ)

ในเรื่อง มีซีนประดาบกันของมิคาสึกิ มุเนะจิกะ, ยามัมบะกิริ คุนิฮิโระ และยามัมบะกิริ โจกิด้วย การที่มีซีนต่อสู้ของโทวเคนดันชิที่ปกติจะต่อสู้เป็นทีมเดียวกันด้วยเนี่ย น่าประทับใจมากเลยล่ะครับ

อารามากิ:
ในบุไตพวกเราเคยประดาบกันมาแล้วครับ แต่พอมาเป็นภาพยนตร์ บรรยากาศมันก็แตกต่างกันไปอีกแบบนะ โดยส่วนตัวแล้ว ผมชอบการต่อสู้ด้วยดาบกับฮิโรกิคุง ดังนั้นเลยเล่นง่ายมากครับ

ซูซูกิ:จริงอย่างที่ว่าเลย ผมเองก็กลับไปดูการต่อสู้ด้วยดาบของพวกเราหลายครั้ง จึงทำให้มีหลายส่วนที่ผมสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ อย่างเช่น วิธีการหายใจครับ เพราะเหตุนั้น แม้ผมจะมีเวลาซ้อมต่อสู้ด้วยดาบแค่ในตอนกลางคืนก่อนวันถ่ายทำจริง ผมก็ยังสามารถท้าทายมันได้อย่างไม่ลังเล เพราะว่ามีประสบการณ์ต่อสู้ด้วยดาบมาก่อนแล้วครับ

มีซีนต่อสู้ที่รู้สึกว่ายากเป็นพิเศษไหมครับ?

อารามากิ:
ซีนประดาบกับมิคาสึกิ มุเนะจิกะตรงโถงทางเดินของอพาร์ทเมนท์เป็นอะไรที่ต่อสู้ยากมากครับ ในตัวเกม มีดสั้นจะได้เปรียบเมื่อต่อสู้ในพื้นที่แคบ และนั่นก็จริงตามนั้นเลยครับ ฝักดาบของฮิโรกิคุงก็เคยไปติดตรงรั้วของโถงทางเดินด้วยเนอะ

ซูซูกิ:ใช่แล้วล่ะ เราถ่ายทำด้วยการลองผิดลองถูกจนได้ซีนที่ทรงพลัง แม้จะเป็นซีนที่ถ่ายในพื้นที่แคบๆก็ตามครับ

สำหรับตนเองแล้ว “Touken Ranbu” คือ?
——————————————————————————————————————

ทั้งสองท่านเดินทางร่วมกับ “Touken Ranbu” มายาวนานหลายปี ผลงานชิ้นนี้มีตัวตนอย่างไรในชีวิตนักแสดงของทั้งสองท่านครับ?

ซูซูกิ:
เพราะนี่เป็นผลงานที่ก้าวเดินมาด้วยกัน พร้อมกับได้สัมผัสถึงการเติบโต ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรนี่ก็เป็นผลงานที่แสนสำคัญครับ ถ้าจะบอกว่ามันได้กลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งในชีวิตนักแสดงของผมไปแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย 

อารามากิ:สำหรับผม “Touken Ranbu” เป็นผลงานแสนสำคัญในชีวิตนักแสดงของผมที่แม้จะตัดก็ตัดไม่ขาดครับ ถ้ามีใครถามว่า “ผลงานที่มีความพิเศษต่อผมคืออะไร?” ผมก็จะตอบว่า  “Touken Ranbu” อย่างแน่นอน มันได้กลายเป็นชีวิตประจำวันสำหรับผมจนถึงขั้นที่ว่าไม่มีวันไหนที่ไม่คิดถึงเลยครับ โดยเฉพาะตัวละครที่ชื่อว่า “ยามัมบะกิริ คุนิฮิโระ” ที่ผมแสดงนั้น เขาเป็นเหมือนตัวผมอีกคนหนึ่งที่อยู่ในตัวผมไปแล้วครับ

พอเวลาผ่านไป วิธีทำความเข้าใจต่อบทบาทเปลี่ยนไปด้วยไหมครับ?

อารามากิ:
อาจจะไม่เปลี่ยนเลยครับ นั่นก็เป็นเพราะ ในตอนที่เริ่มต้นทำบุไต เราเริ่มต้นด้วยสถานการณ์ที่ไม่ได้เจาะลึกดาบแต่ละเล่มมากนัก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องพิจารณาเกี่ยวกับภาพลักษณ์ตัวละครที่ชื่อว่ายามัมบะกิริ คุนิฮิโระตั้งแต่หนึ่ง เริ่มตั้งแต่ท่าทางพื้นฐาน อย่างเช่นว่า จะจับดาบอย่างไร ฝักดาบจะทำอย่างไร ไปจนกระทั่งวิธีการเดิน ผมได้พูดคุยปรึกษากับทุกคนไปด้วย ในขณะเดียวกันก็สามารถสร้างตัวละครนี้ออกมาได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่ตอนนั้นมาก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปมากเลยครับ

ซูซูกิ:ผมเองตอนที่แสดงเป็นมิคาสึกิ มุเนะจิกะครั้งแรกก็ได้วาดภาพเอาไว้ในใจมากมายครับ ดังนั้น เบสพื้นฐานจึงเป็นมิคาสึกิ มุเนะจิกะคนเดิมเสมอ แต่ด้านที่แสดงออกจะมีความแตกต่างไปบ้างเล็กน้อยตามแต่ละงานครับ ผมคิดว่ามันน่าสนใจมากถ้าทำให้มิคาสึกิ มุเนะจิกะมีด้านที่แสดงออกมาเปลี่ยนไปตามแต่ละฮงมารุ เหมือนกับที่คนจะเปลี่ยนบุคลิกตนเองไปเล็กน้อยตามสถานที่หรืออีกฝ่ายที่มีปฏิสัมพันธ์ด้วย 

นั่นเป็นเหตุผลที่ผมคิดว่า คุณค่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ผมได้รับจากการแสดงทั้งในเวอร์ชั่นบุไตและเวอร์ชั่นภาพยนตร์ คือการที่ผมสามารถแสดงตัวตนที่ได้พูดไปนั้นออกมาได้ครับ  

สุดท้ายนี้ ช่วยบอกประเด็นสำคัญของ “Touken Ranbu the Movie – Reimei -” อีกสักครั้งหน่อยครับ 

อารามากิ:
ในเรื่องนี้มีทั้งทีมงานที่เคยทำงานกับภาพยนตร์เรื่อง “Avengers: Endgame” เข้ามามีส่วนร่วมด้วย มีทั้งพลังความร้อนแรงเหมือนกับภาพยนตร์ฮอลลีวูด รวมทั้งยังมีองค์ประกอบของหนังฮีโร่ผสมอยู่ด้วยเล็กน้อย ดังนั้นจึงอาจจะถูกใจผู้ชายด้วยก็เป็นได้นะครับ ผมอยากให้คนที่คอยสนับสนุนมาจนถึงตอนนี้ รวมถึงคนที่เพิ่งได้รู้จักเป็นครั้งแรกได้มารับชมกันนะครับ

ซูซูกิ:แม้โดยพื้นฐานจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาตร์ แต่ในครั้งนี้จะเป็นผลงานแอคชั่นที่สนุกสนานมากยิ่งขึ้นครับ สำหรับแฟนๆของ “Touken Ranbu” จะได้เห็นในอีกด้านหนึ่งที่เหนือความคาดหมาย และสำหรับท่านที่ไม่รู้จัก “Touken Ranbu” นี่จะเป็นผลงานที่ไม่เลวเลยในการได้สัมผัสกับมุมมองของโลก ดังนั้นผมจึงอยากให้หลายๆ ท่านได้มารับชมกันนะครับ

——————————————————————————————————————


©2023 「映画刀剣乱舞」製作委員会/NITRO PLUS・EXNOA LLC

==================================
TRANSLATED BY YUKINO_YUKITTY
====ผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยจ้า====
source [X]
โพสท์ใน Uncategorized | ติดป้ายกำกับ , , | ใส่ความเห็น